ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เปรียบเทียบการรักษานิ่วในท่อน้ำดีระหว่างการผ่าตัดกับการส่องกล้อง

มีในภาษาอื่นด้วย

ความเป็นมา
นิ่วในถุงน้ำดีเป็นปัญหาที่พบบ่อยในประชากรทั่วไปและมักก่อให้เกิดอาการปวด (อาการจุกเสียดน้ำดี)และการติดเชื้อถุงน้ำดี (ถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน) บางครั้งนิ่วในถุงน้ำดีสามารถเคลื่อนจากถุงน้ำดีไปติดอยู่ที่ท่อน้ำดีซึ่งเป็นท่อที่อยู่ระหว่างถุงน้ำดีกับลำใส้เล็ก (Common bile duct) ซึ่งนิ่วเหล่านี้สามารถคัดขวางการไหลของน้ำดีจากตับและถุงน้ำดีไปยังลำใส้เล็ก นอกจานี้นิ่วก็เป็นตัวก่ออาการปวด ดีซ่าน (ตาเหลือง ปัสสาวะสีเข้ม อุจจาระสีซีด) และบางครั้งก่อให้เกิดการติดเชื้อของท่อน้ำดี (Cholangitis) ประมาณ 10-18% ของประชากรที่ได้รับการผ่าตัดถุงน้ำดีเพื่อรักษานิ่วในถุงน้ำดีมีนิ่วในท่อน้ำดีด้วย

การรักษาเกี่ยวข้องกับการนำถุงน้ำดีออกเช่นเดียวกับนิ่วจากท่อน้ำดี มีหลายวิธีเพื่อรักษาภาวะดังกล่าว การผ่าตัดเพื่อนำถุงน้ำดีออก ในอดีตที่ผ่านมาจะผ่าตัดผ่านแผลเดียวขนาดใหญ่ผ่านหน้าท้อง (Open cholecystectomy) การผ่าตัดส่องกล้อง (Laparoscopic surgery) เป็นวิธีที่แพร่หลายในการนำถุงน้ำดีออก การนำนิ่วท่อน้ำดีออกสามารถสามารถดำเนินการได้ในเวลาเดียวกันไม่ว่าจะการผ่าตัดเปิดหน้าท้องหรือการผ่าตัดส่องกล้อง อีกหนึ่งทางเลือกคือการส่องกล้อง (อุปกรณ์ลักษณะเป็นท่อยืดหยุ่นที่มีกล้องติดอยู่) การส่องกล้องจะใส่อุปกรณ์นี้เข้าทางปากไปยังลำใส้เล็กเพื่อที่จะไปนำนิ่วในท่อน้ำดีออก ขั้นตอนดังกล่าวสามารถดำเนินการก่อนหรือระหว่างหรือหลังจากผ่าตัดเพื่อเอาถุงน้ำดีออก การทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบนี้พยายามตอบคําถามของวิธีการที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการนำนิ่วในท่อน้ำดีออก (ในแง่ของการผ่าตัดเปิดหน้าท้องหรือการผ่าตัดส่องกล้องเมื่อเทียบกับการส่องกล้อง) การนำนิ่วท่อน้ำดีออกควรดําเนินการในระหว่างการผ่าตัดเพื่อนำถุงน้ำดีออกเป็นการรักษาไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนเดียวหรือเป็นการรักษาที่แยกเป็นก่อนหรือหลังการผ่าตัด (การรักษาสองขั้นตอน)

คำถามของการทบทวนวรรณกรรม
เราได้วิเคราะห์ผลลัพธ์จาก randomised clinical trials ในวรรณกรรมเพื่อประเมินผลประโยชน์และอันตรายของขั้นตอนเหล่านี้

คุณภาพของหลักฐาน
พวกเราได้รวบรวมการทดลองทั้งหมด 16 เรื่องและมีผู้เข้าร่วม 1758 คน การทดลองทั้งหมดมีความเสี่ยงของการมีอคติที่สูง (ข้อบกพร่องในการออกแบบการศึกษาที่อาจส่งผลให้เกิดการประเมินผลประโยชน์ที่สูงกว่าความเป็นจริงหรือการประเมินอันตรายที่ต่ำกว่าความเป็นจริง) ในภาพรวมคุณภาพของหลักฐานอยู่ในระดับปานกลางเนื่องจากมีความเสี่ยงในด้านความผิดพลาดเชิงระบบหรือความอคติ (ข้อบกพร่องในการออกแบบการศึกษา) และความผิดพลาดอย่างสุ่ม (จำนวนผู้เข้าร่วมการทดลองไม่เพียงพอ) สามารถก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่นำไปสู่การสรุปที่ผิดพลาด

ผลการศึกษาที่สำคัญ
การวิเคราะห์ของเราแนะนำว่าการผ่าตัดเปิดเพื่อเอาถุงน้ำดีและนิ่วในท่อน้ำดีออกมีความปลอดภัยเท่าการส่องกล้องแต่อาจจะประสบความสําเร็จมากกว่าเทคนิคการส่องกล้องในการนำนิ่วท่อน้ำดีออก การผ่าตัดส่องกล้องเพื่อเอาถุงน้ำดีและนิ่วในท่อน้ำดีออกมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพเท่าเทคนิคการส่องกล้อง ยังคงต้องการ randomised clinical trials ที่มีความเสี่ยงต่ำในด้านความผิดพลาดเชิงระบบ (การทดลอง) และความผิดพลาดอย่างสุ่ม (play of chances) เพื่อที่จะยืนยันหรือพิสูจน์ข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบัน

บทนำ

ประมาณ 10 ถึง 18% ของประชากรที่ได้รับการผ่าตัดถุงน้ำดีเพื่อรักษานิ่วในถุงน้ำดีมีนิ่วในท่อน้ำดีด้วย การรักษานิ่วในท่อน้ำดีสามารถรักษาด้วยการผ่าตัดถุงน้ำดีผ่านการเปิดหน้าท้องร่วมกับการเปิดสํารวจท่อน้ำดีหรือการผ่าตัดส่องกล้องถุงน้ำดีร่วมกับการผ่าตัดส่องกล้องสํารวจท่อน้ำดี (LC + LCBDE) เมื่อเทียบกับการส่องกล้องทางเดินน้ำดีและตับอ่อน (ERCP) ก่อนหรือหลังการผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออกแยกเป็นสองขั้นตอน โดยทั่วไปมักจะทำร่วมกับไม่ว่าจะการผ่าตัดหูรูด (นิยมที่สุด) หรือการขยายหูรูด (ขยาย papillary) เพื่อการรักษานิ่วในท่อน้ำดี ประโยชน์และอันตรายของวิธีการที่แตกต่างกันยังไม่เป็นสามารถบอกได้

วัตถุประสงค์

พวกเรามุ่งเน้นทบทวนอย่างเป็นระบบในด้านผลประโยชน์และอันตรายของแต่ละวิธีการรักษาที่แตกต่างกันในการจัดการนิ่วในท่อน้ำดี

วิธีการสืบค้น

พวกเราค้นหาใน Cochrane Hepato-Biliary Group Controlled Trials Register, Cochrane central Register of Controlled Trials (CENTRAL, Issue 7 ใน 12, 2013) ใน The Cochrane Library, MEDLINE (1946 ถึง สิงหาคม 2013), EMBASE (1974 ถึงสิงหาคม 2013) และ Science Citation Index Expanded (1900 ถึง สิงหาคม 2013)

เกณฑ์การคัดเลือก

พวกเราได้รวบรวม randomised clinical trials ที่เปรียบเทียบการผ่าตัดเปิดหน้าท้องกับการส่องกล้องและเปรียบเทียบการผ่าตัดส่องกล้อง (Laparoscopic) กับการส่องกล้อง (Endoscopic) นำนิ่วถุงน้ำดีออก

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล

ผู้ประพันธ์การทบทวนสองคนเลือกและดึงข้อมูลจากการศึกษาอย่างเป็นอิสระต่อกัน เราคํานวณ Odd ratio (OR) หรือ mean difference (MD) ร่วมกับ ช่วงความเชื่อมั่น 95% (CI) โดยใช้การวิเคราะห์เมตต้า ทั้งแบบ fixed-effect และ random-effects models ซึ่งใช้ Review Manager 5

ผลการวิจัย

Randomised clinical trials สิบหกเรื่อง มีผู้เข้าร่วม 1758 คน ที่เข้าตามเกณฑ์คัดเข้าของงานทบทวนนี้ การทดลองแปดเรื่อง มีผู้เข้าร่วม 737คน ที่เปรียบเทียบการผ่าตัดเปิดหน้าท้องกับการทำ ERCP; การทดลองห้าเรื่อง มีผู้เข้าร่วม 621 คน เปรียบเทียบการผ่าตัดส่องกล้องกับการทำ ERCP ก่อนผ่าตัด; และการทดลองสองเรื่อง มีผู้เข้าร่วม 166 คน เปรียบเทียบการผ่าตัดการส่องกล้องกับการทำ ERCP หลังผ่าตัด การทดลองหนึ่งเรื่อง มีผู้เข้าร่วม 234 คน เปรียบเทียบ LCBDE กับ การทำ ERCP ขณะผ่าตัด ไม่มีการทดลองการผ่าตัดเปิดหน้าท้องหรือ LCBDE เทียบกับ ERCP ในคนที่ไม่มีถุงน้ำดีที่ปกติ การศึกษาทั้งหมดมีความเสี่ยงสูงของการมีอคติสูง

ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสําคัญในอัตราการเสียชีวิตเมื่อเทียบระหว่างการผ่าตัดเปิดหน้าท้องกับการทำ ERCP (การทดลองแปดเรื่อง; ผู้เข้าร่วม 733 คน; 5/371 (1%) เทียบกับ 10/358 (3%) OR 0.51; 95% CI 0.18 ถึง 1.44) ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญในอัตราการเจ็บป่วยระหว่างการผ่าตัดเปิดหน้าท้องกับการทำ ERCP (การทดลองแปดเรื่อง; ผู้เข้าร่วม 733 คน; 76/371 (20%) เทียบกับ 67/358 (19%) OR 1.12; 95% CI 0.77 ถึง 1.62) ผู้เข้าร่วมในกลุ่มการผ่าตัดเปิดหน้าท้องมีนิ่วหลงเหลือน้อยกว่าอย่างมีนัยสําคัญเมื่อเทียบกับกลุ่ม ERCP (การทดลองเจ็ดเรื่อง; ผู้เข้าร่วม 609 คน; 20/313 (6%) เปรียบเทียบกับ 47/296 (16%) OR 0.36; 95% CI 0.21 ถึง 0.62), P = 0.0002

ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสําคัญในอัตราการเสียชีวิตระหว่าง LC + LCBDE เทียบกับ ERCP + LC ก่อนผ่าตัด ( การทดลองห้าเรื่อง; ผู้เข้าร่วม 580 คน; 2/285 (0.7%) เทียบกับ 3/295 (1%) OR 0.72; 95% CI 0.12 ถึง 4.33) ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญในอัตราการเจ็บป่วยระหว่างสองกลุ่ม (การทดลองห้าเรื่อง; ผู้เข้าร่วม 580 คน; 44/285 (15%) เทียบกับ 37/295 (13%) OR 1.28; 95% CI 0.80 ถึง 2.05) ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสําคัญระหว่างสองกลุ่มในจํานวนผู้เข้าร่วมที่มีนิ่วหลงเหลือ (การทดลองห้าเรื่อง; ผู้เข้าร่วม 580 คน; 24/285 (8%) เทียบกับ 31/295 (11%) OR 0.79; 95% CI 0.45 ถึง 1.39)

มีเพียงการทดลองหนึ่งเรื่องที่ประเมิน LC + LCBDE เทียบกับ LC + ERCP ขณะผ่าตัด โดยมีผู้เข้าร่วม 234 คน ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตในทั้งสองกลุ่ม ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสําคัญในด้านการเจ็บป่วย นิ่วหลงเหลือ อัตราความล้มเหลวของขั้นตอนระหว่างทั้งสองกลุ่มที่ได้รับการรักษา

การทดลองสองเรื่องประเมิน LC + LCBDE เทียบกับ LC+ERCP หลังผ่าตัด ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตในทั้งสองกลุ่ม ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสําคัญในอัตราการการเจ็บป่วยระหว่างการผ่าตัดส่องกล้อง เทียบกับ การทำ ERCP หลังผ่าตัด (การทดลองสองเรื่อง; ผู้เข้าร่วม 166 คน; 13/81 (16%) เทียบกับ 12/85 (14%) OR 1.16; 95% CI 0.50 ถึง 2.72) มีความแตกต่างอย่างมีนัยสําคัญในการมีนิ่วหลงเหลือระหว่างการผ่าตัดส่องกล้อง เทียบกับ การทำ ERCP หลังผ่าตัด (การทดลองสองเรื่อง; ผู้เข้าร่วม 166 คน; 7/81 (9%) เทียบกับ 21/85 (25%) OR 0.28; 95% CI 0.11 ถึง 0.72; P=0.008)

ในจำนวนทั้งหมด การทดลองเจ็ดเรื่อง มีผู้เข้าร่วม 746 คนเปรียบเทียบกับ LC + LCBDE พร้อมกันกับอีกกลุ่มทำแยกเป็นสองขั้นตอนโดยการทำ ERCP ก่อนผ่าตัด + LC หรือ LC + ERCP หลังผ่าตัด มีความแตกต่างอย่างไม่มีนัยสําคัญในอัตราการเสียชีวิตเมื่อเทียบระหว่างการทำหนึ่งขั้นตอนหรือสองขั้นตอน (การทดลองเจ็ดเรื่อง; ผู้เข้าร่วม 746 คน; 2/366 เทียบกับ 3/380 OR 0.72; 95% CI 0.12 ถึง 4.33) มีความแตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสําคัญในอัตราการเจ็บป่วย (การทดลองเจ็ดเรื่อง; ผู้เข้าร่วม 746 คน; 57/366 (16%) เทียบกับ 49/380 (13%) OR 1.25; 95% CI 0.83 ถึง 1.89) มีความแตกต่างอย่างมีนัยสําคัญในกลุ่มที่มีขั้นตอนเดียว (ผู้เข้าร่วม 31/366 คน; 8%) พบนิ่วหลงเหลือน้อยกว่ากลุ่มที่มีสองขั้นตอน (ผู้เข้าร่วม 52/380 คน; 14%) แต่ความแตกต่างไม่ได้มีนัยสําคัญทางสถิติ OR 0.59; 95% CI 0.37 ถึง 0.94)

มีความแตกต่างอย่างไม่มีนัยสําคัญในอัตราการเปลี่ยนจากการทำ LCBDE เป็นการผ่าตัดเปิดหน้าท้องเมื่อเทียบกับกลุ่มการทำ ERCP ก่อนการผ่าตัด, ระหว่างการผ่าตัด, และหลังการผ่าตัด การวิเคราะห์เมตต้าของระยะเวลาการเข้าพักในโรงพยาบาล คุณภาพชีวิตและค่าใช้จ่ายของการรักษาไม่สามารถนำมาวิเคราะห์ได้เนื่องจากไม่มีข้อมูลในเรื่องดังกล่าว

ข้อสรุปของผู้วิจัย

การผ่าตัดเปิดท่อน้ำดีดูเหมือนว่าจะให้ผลดีกว่าการทำ ERCP ในการบรรลุการกวาดล้างนิ่งท่อน้ำดียึดตามหลักฐานที่มีอยู่จากในช่วงต้นของยุคการส่องกล้อง มีความแตกต่างอย่างไม่มีนัยสําคัญในอัตราการเสียชีวิตและการเจ็บป่วยระหว่างการผ่าตัดส่องกล้องทางเดินน้ำดีและการส่องกล้อง ไม่มีการลดจํานวนนิ่วที่หลงเหลืออย่างมีนัยสำคัญและอัตราความล้มเหลวในกลุ่มการผ่าตัดส่องกล้องเมื่อเทียบกับกลุ่มทำ ERCP ก่อนการผ่าตัดและระหว่างการผ่าตัด ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสําคัญในอัตราการเสียชีวิต, เจ็บป่วย, หินหลงเหลือ, และอัตราความล้มเหลวระหว่างขั้นตอนเดียวของการผ่าตัดส่องกล้องท่อน้ำดีและสองขั้นตอนของการส่องกล้อง การทดลองทางคลินิกแบบสุ่มเพิ่มเติมโดยไม่มีความเสี่ยงจากข้อผิดพลาดในเชิงระบบและแบบสุ่มเป็นสิ่งจําเป็นเพื่อยืนยันการค้นพบเหล่านี้

บันทึกการแปล

แปลโดย นศพ ธนกฤต เบญจธรรมนนท์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2020

การอ้างอิง
Dasari BVM, Tan CJ, Gurusamy KS, Martin DJ, Kirk G, McKie L, Diamond T, Taylor MA. Surgical versus endoscopic treatment of bile duct stones. Cochrane Database of Systematic Reviews 2013, Issue 12. Art. No.: CD003327. DOI: 10.1002/14651858.CD003327.pub4.

การใช้คุกกี้ของเรา

เราใช้คุกกี้ที่จำเป็นเพื่อให้เว็บไซต์ของเรามีประสิทธิภาพ เรายังต้องการตั้งค่าการวิเคราะห์คุกกี้เพิ่มเติมเพื่อช่วยเราปรับปรุงเว็บไซต์ เราจะไม่ตั้งค่าคุกกี้เสริมเว้นแต่คุณจะเปิดใช้งาน การใช้เครื่องมือนี้จะตั้งค่าคุกกี้บนอุปกรณ์ของคุณเพื่อจดจำการตั้งค่าของคุณ คุณสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าคุกกี้ได้ตลอดเวลาโดยคลิกที่ลิงก์ 'การตั้งค่าคุกกี้' ที่ส่วนท้ายของทุกหน้า
สำหรับข้อมูลโดยละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุกกี้ที่เราใช้ โปรดดู หน้าคุกกี้

ยอมรับทั้งหมด
กำหนดค่า