ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

การใช้ของเหลวและสารทางเภสัชวิทยา (ยารักษาโรค) เพื่อป้องกันการเกิดพังผืด (เนื้อเยื่อแผลเป็น) หลังการผ่าตัดในอุ้งเชิงกรานสตรี

คำถามของการทบทวนวรรณกรรม: การทบทวนวรรณกรรม Cochrane นี้ประเมินการใช้้ของเหลวและสารทางเภสัชวิทยาที่มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันการเกิดพังผืดหลังการผ่าตัดทางนรีเวช (เรากำหนดเจลเป็นตัวแทนของของเหลว)

ความเป็นมา พังผืดเป็นชนิดหนึ่งของแผลเป็น ซึ่งอาจทำให้พื้นผิวสองส่วนที่แยกจากกันภายในร่างกายติดกัน พังผืดมักเกิดขึ้นภายในอุ้งเชิงกรานหลังการผ่าตัด การติดเชื้อหรือเนื่องจากเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ พังผืดที่เกิดจากการผ่าตัดทางนรีเวชอาจทำให้เกิดความเจ็บปวดและลดภาวะเจริญพันธุ์ สตรีที่มีพังผืดมักต้องการการผ่าตัดเพิ่มเติม กลยุทธ์ในการป้องกันพังผืด ได้แก่ การใช้ของเหลวและสารเจลซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อป้องกันไม่ให้เนื้อเยื่อสัมผัสกัน หรือยาที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อเปลี่ยนลักษณะของกระบวนการทำให้หาย เพื่อทำให้การยึดเกาะมีโอกาสน้อยที่จะก่อตัวขึ้น

ลักษณะของการศึกษา เรารวมรวมการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มเปรียบเทียบได้ 32 เรื่อง (สตรี 3492 คน) เรารวบรวมผลการทดลองทั้งหมด 23 เรื่อง (สตรี 2796 คน) เราไม่สามารถรวบรวมผลลัพธ์จากการทดลองอีก 9 เรื่องที่เหลือได้ เนื่องจากนักวิจัยทำการวัดการเกิดพังผืดด้วยวิธีที่ไม่อนุญาตให้เรารวมสิ่งที่ค้นพบกับข้อมูลอื่น ๆ หรือไม่ได้มีการรายงานข้อมูลทางสถิติที่สำคัญ เราค้นหาหลักฐานทั้งหมดจนถึงเดือนสิงหาคม 2019

ผลการศึกษาที่สำคัญ

ของเหลวและเจลดูเหมือนจะมีประสิทธิผลในการลดการเกิดพังผืด แต่จำเป็นต้องมีข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อตรวจสอบว่ามีผลต่ออาการปวดท้องน้อยหรืออัตราการเกิดมีชีวิตของทารกหรือไม่ ควรทำการศึกษาขนาดใหญ่และมีคุณภาพสูงซึ่งผู้วิจัยใช้วิธีวัดการเกิดพังผืดที่ได้มาตรฐานซึ่งพัฒนาโดย American Fertility Society (modified AFS score)

สำหรับผลลัพธ์เรื่องความเจ็บปวด: การศึกษาชิ้นหนึ่งรายงานผลที่ไม่แน่นอนของผลของสารให้ของเหลว (4% ไอโคเดกซ์ทริน ซึ่งเป็นโพลิเมอร์ของกลูโคส) ต่ออาการปวดท้องน้อย ไม่มีการศึกษาใดรายงานผลอาการปวดท้องน้อยร่วมกับวิธีการอื่น ๆ

สำหรับผลลัพธ์ของภาวะเจริญพันธุ์: ผลการศึกษาโดยรวมของการศึกษา 2 เรื่อง (เดกซ์แทรน, โพลิเมอร์กลูโคสอื่น) พบว่ามีผลกระทบที่ไม่แน่นอนต่ออัตราการเกิดมีชีพของทารก ข้อมูลนี้ชี้ให้เห็นว่าในสตรีที่ไม่ได้รับการรักษามีโอกาสคลอด 13% และ 4% ถึง 19% จะคลอด หากได้รับการรักษาด้วยการให้ของเหลว ผลการศึกษาที่รวมกันของ 2 เรื่อง ที่ศึกษาสเตียรอยด์พบว่ามีผลกระทบที่ไม่แน่นอนต่ออัตราการเกิดมีชีพ ข้อมูลนี้ชี้ให้เห็นว่าในสตรีที่ไม่ได้รับการรักษามีโอกาสคลอด 13% และ 4% ถึง 19% จะคลอดหากได้รับการรักษาด้วยการให้สเตียรอยด์ ไม่มีการศึกษาใดรายงานอัตราการเกิดรอดจากวิธีการอื่น ๆ

เราไม่แน่ใจว่าสารเหลวตัวแทนเจลหรือสเตียรอยด์มีผลต่ออัตราการตั้งครรภ์ทางคลินิกหรือไม่เมื่อเทียบกับการไม่ได้รับการรักษา ไม่มีการศึกษาใดเปรียบเทียบผลของสารเหลวกับสารเจลที่รายงานอัตราการตั้งครรภ์ทางคลินิก

สำหรับผลลัพธ์ของการเกิดพังผืดที่ SLL: การศึกษา 4 เรื่อง พบว่าสารของเหลวช่วยลดอุบัติการณ์ของการเกิดพังผืดในการส่องกล้องเพื่อดูพังผืด (second-look laparoscopy:SLL) เมื่อเทียบกับการไม่ได้รับการรักษา (หลักฐานคุณภาพสูง) สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่าในสตรีมีโอกาส 84% ที่จะมีการเกิดพังผืดที่ SLL โดยไม่มีการรักษา การใช้สารเหลวจะส่งผลให้เกิดพังผืดได้ 54% ถึง 75% การศึกษา 5 เรื่อง พบว่าสารเจลช่วยลดอุบัติการณ์ของการเกิดพังผืด SLL เมื่อเทียบกับการไม่ได้รับการรักษา (หลักฐานคุณภาพสูง) สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่าในสตรี มีโอกาสร้อยละ 84 ที่จะมีการเกิดพังผืดที่ SLL โดยไม่มีการรักษา การใช้สารเหลวจะส่งผลให้เกิดพังผืดได้ 39% ถึง 75% การศึกษา 3 เรื่อง พบว่าสารเจลอาจลดอุบัติการณ์ของการเกิดพังผืดเมื่อทำ SLL เมื่อเทียบกับของเหลว (หลักฐานคุณภาพปานกลาง) สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่าในสตรีมีโอกาส 46% ที่จะเกิดพังผืดที่การทำ SLL หลังจากการใช้ของเหลว การใช้สารเจลจะส่งผลให้เกิดพังผืดได้ 21% ถึง 41%

การศึกษา 8 เรื่อง ตรวจสอบผลของสารเจลหรือสารเหลวต่อคะแนนเฉลี่ยของการเกิดพังผืด เราไม่แน่ใจว่าได้ผลหรือไม่เมื่อเทียบกับการไม่รักษาหรือเปรียบเทียบกันเอง

ไม่มีการศึกษาใดรายงานผลของสเตียรอยด์ต่ออุบัติการณ์การเกิดพังผืดหรือคะแนนการเกิดพังผืดเฉลี่ยที่การทำ SLL

สำหรับผลลัพธ์ของเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์: ไม่มีการศึกษาใดรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่เกิดจากวิธีการที่กำลังตรวจสอบ

คุณภาพของหลักฐาน: คุณภาพของงานวิจัยอยู่ในระดับต่ำมากถึงสูง สาเหตุหลักในการลดระดับหลักฐานคือความไม่แม่นยำ (ขนาดตัวอย่างเล็กและช่วงความเชื่อมั่นที่กว้างซึ่งข้ามเส้นที่หมายความว่าไม่มีผลกระทบ) และวิธีการรายงานที่ไม่ดี

บทนำ

พังผืดเป็นแถบไฟบรินซึ่งเป็นผลมาจากการผ่าตัดทางนรีเวชที่พบได้บ่อย มีสาเหตุมาจากการอักเสบในอุ้งเชิงกรานและเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ พังผืดมีความสัมพันธ์กับโรคร่วม ได้แก่ อาการปวดท้องน้อย ภาวะมีบุตรยาก และการอุดตันของลำไส้เล็ก พังผืดยังเพิ่มโอกาสในการผ่าตัดเพิ่มเติมทำให้เกิดความทุกข์และค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น กลยุทธ์ในการป้องกันพังผืด ได้แก่ การใช้ของเหลว(เรียกว่า hydroflotation) และสารเจลซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อป้องกันไม่ให้เนื้อเยื่อสัมผัสกัน หรือยาที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อเปลี่ยนลักษณะของกระบวนการหายของแผลเพื่อทำให้โอกาสการเกิดพังผืดน้อยลง

วัตถุประสงค์

เพื่อประเมินประสิทธิผลและความปลอดภัยของสารน้ำและสารทางเภสัชวิทยาต่ออัตราความเจ็บปวด การเกิดมีชีพ และการป้องกันการเกิดพังผืดในสตรีที่ได้รับการผ่าตัดทางนรีเวช

วิธีการสืบค้น

ผู้วิจัยได้สืบค้นข้อมูลใน Cochrane Gynaecology and Fertility Group specialised register, CENTRAL, MEDLINE, Embase, PsycINFO และ Epistemonikos ถึงวันที่ 22 สิงหาคม 2019 เราได้ทบทวนเอกสารอ้างอิงของการวิจัยที่พบและได้ติดต่อผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้

เกณฑ์การคัดเลือก

การทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มเปรียบเทียบเพื่อตรวจสอบการใช้ของเหลว (รวมถึงเจล) และสารทางเภสัชวิทยาเพื่อป้องกันการเกิดพังผืดหลังการผ่าตัดทางนรีเวช

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล

เราใช้วิธีมาตรฐานตามคำแนะนำของ Cochrane เราได้ประเมินคุณภาพของหลักฐานที่ได้โดยวิธีการ GRADE ผลลัพธ์ที่สนใจคืออาการปวดท้องน้อย อัตราการเกิดมีชีพ อุบัติการณ์ของ ค่าเฉลี่ย และการเปลี่ยนแปลงของคะแนนการเกิดพังผืดที่การส่องกล้องตรวจครั้งที่สอง (SLL); การตั้งครรภ์ทางคลินิก การแท้งบุตร และอัตราการตั้งครรภ์นอกมดลูก คุณภาพชีวิตที่การทำ SLL; และเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์

ผลการวิจัย

เรารวมการทดลองได้ 32 เรื่อง (สตรี 3492 คน) และคัดออก 11 เรื่อง

เราไม่สามารถรวมข้อมูลจากการศึกษา 9 เรื่อง ในการวิเคราะห์ทางสถิติได้ แต่ผลการศึกษาเหล่านี้เป็นไปอย่างกว้าง ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับผลการวิเคราะห์เมตต้า

สารที่มีฤทธิ์ Hydroflotation เทียบกับ สารที่ไม่มีฤทธิ์ Hydroflotation (10 RCTs)

เราไม่แน่ใจว่าสารที่มีฤทธิ์ Hydroflotation ผลต่ออาการปวดท้องน้อยหรือไม่ (odds ratio (OR) 1.05, ช่วงความเชื่อมั่น 95% 0.52 ถึง 2.09; การศึกษา 1 เรื่อง สตรี 226 คน; หลักฐานคุณภาพต่ำมาก)

ยังไม่ชัดเจนว่าสารที่มีฤทธิ์ Hydroflotation มีผลต่ออัตราการเกิดมีชีพหรือไม่ (OR 0.67, 95% CI 0.29 ถึง 1.58; การศึกษา 2 เรื่อง สตรี 208 คน; หลักฐานคุณภาพต่ำ) เทียบกับการไม่ได้รับการรักษา

สาร hydroflotation ช่วยลดอุบัติการณ์ของการเกิดพังผืดเมื่อดูด้วย SLL เมื่อเทียบกับการไม่ได้รับการรักษา (OR 0.34, 95% CI 0.22 ถึง 0.55, การศึกษา 4 เรื่อง สตรี 566 คน; หลักฐานคุณภาพสูง) หลักฐานนี้ชี้ให้เห็นว่า ในสตรีที่มีโอกาส 84% ที่จะมีการเกิดพังผืดที่ SLL โดยไม่มีการรักษา การใช้สารที่มีฤทธิ์ Hydroflotation จะส่งผลให้เกิดพังผืดได้ 54% ถึง 75%

สาร Hydroflotation อาจสร้างความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยในคะแนนการเกิดพังผืดที่ SLL (standardised mean difference (SMD) -0.06, 95% CI -0.20 ถึง 0.09; การศึกษา 4 เรื่อง สตรี 722 คน; หลักฐานคุณภาพปานกลาง)

ยังไม่ชัดเจนว่าสารที่มีฤทธิ์ Hydroflotation มีผลต่ออัตราการตั้งครรภ์ทางคลินิกหรือไม่ (OR 0.64, 95% CI 0.36 ถึง 1.14; การศึกษา 3 เรื่อง สตรี 310 คน; หลักฐานคุณภาพปานกลาง) เทียบกับการไม่ได้รับการรักษา สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่าในสตรีที่มีโอกาสตั้งครรภ์ทางคลินิก 26% โดยไม่มีการรักษา การใช้สารที่มีฤทธิ์ Hydroflotation จะส่งผลให้อัตราการตั้งครรภ์ทางคลินิกอยู่ที่ 11% ถึง 28%

ไม่มีการศึกษาใดรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ ที่เกิดจากการรักษา

เจลเทียบกับไม่มีการรักษา (12 RCTs)

ไม่มีการศึกษาใดรายงานอาการปวดท้องน้อยหรืออัตราการเกิดมีชีพ (SMD -0.24, 95% CI -0.55 ถึง 0.08)

สารเจลช่วยลดอุบัติการณ์ของการเกิดพังผืดที่ SLL เมื่อเทียบกับการไม่ได้รับการรักษา (OR 0.26, 95% CI 0.12 ถึง 0.57; การศึกษา 5 เรื่อง สตรี 147 คน; หลักฐานคุณภาพสูง) สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่าในสตรีที่มีโอกาส 84% ที่จะมีการเกิดพังผืดที่ SLL โดยไม่มีการรักษา การใช้สารเจลจะส่งผลให้เกิดพังผืดได้ 39% ถึง 75%

ยังไม่ชัดเจนว่าสารเจลมีผลต่อคะแนนเฉลี่ยของการเกิดพังผืดที่ SLL (SMD -0.24, 95% CI -0.55 ถึง 0.08; การศึกษา 4 เรื่อง สตรี 159 คน; หลักฐานคุณภาพปานกลาง) หรืออัตราการตั้งครรภ์ทางคลินิก (OR 0.20, 95% CI 0.02 ถึง 2.02; การศึกษา 1 เรื่อง สตรี 30 คน;หลักฐานคุณภาพต่ำ)

ไม่มีการศึกษาใดรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ ที่เกิดจากการรักษา

สารเจลเทียบกับสารที่มีฤทธิ์ Hydroflotation เมื่อใช้เป็นยาหยอด (3 RCTs)

ไม่มีการศึกษารายงานผลต่ออาการปวดท้องน้อย อัตราการเกิดมีชีพ หรืออัตราการตั้งครรภ์ทางคลินิก

สารเจลอาจลดอุบัติการณ์ของการเกิดพังผืดที่ SLL เมื่อเปรียบเทียบกับสารที่มีฤทธิ์ Hydroflotation (OR 0.50, 95% CI 0.31 ถึง 0.83; การศึกษา 3 เรื่อง สตรี 538 คน; หลักฐานคุณภาพปานกลาง) สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่าในสตรีที่มีโอกาส 46% ที่จะเกิดพังผืดที่ SLL หลังจากการใช้สารที่มีฤทธิ์ Hydroflotation การใช้สารเจลจะทำให้เกิดพังผืดได้ 21% ถึง 41%

เราไม่แน่ใจว่าสารเจลช่วยเพิ่มคะแนนฉลี่ยของการเกิดพังผืดที่ SLL ได้หรือไม่เมื่อเทียบกับสารที่มีฤทธิ์ Hydroflotation (MD -0.79, 95% CI -0.82 ถึง -0.76; การศึกษา 1 เรื่อง สตรี 77 คน; หลักฐานคุณภาพต่ำมาก)

ไม่มีการศึกษาใดรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ ที่เกิดจากการรักษา

สะเตียรอยด์ (ทุกรูปแบบ) เทียบกับไม่มีสเตียรอยด์ (4 RCTs)

ไม่มีการศึกษาในการเปรียบเทียบนี้รายงานอาการปวดท้องน้อย อุบัติการณ์ของการเกิดพังผืดที่ SLL หรือคะแนนการเฉลี่ยของการเกิดพังผืดที่ SLL

ไม่ชัดเจนว่าสเตียรอยด์มีผลต่ออัตราการเกิดมีชีพเมื่อเทียบกับไม่มีสเตียรอยด์ (OR 0.65, 95% CI 0.26 ถึง 1.62; การศึกษา 2 เรื่อง สตรี 223 คน; หลักฐานคุณภาพต่ำ) หรืออัตราการตั้งครรภ์ทางคลินิก (OR 1.01, 95% CI 0.66 ถึง 1.55 ; การศึกษา 3 เรื่อง สตรี 410 คน; หลักฐานคุณภาพต่ำ)

ไม่มีการศึกษาใดรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ ที่เกิดจากการรักษา

ข้อสรุปของผู้วิจัย

เจลและสารที่มีฤทธิ์ Hydroflotation ดูเหมือนจะเป็นสารป้องกันการเกิดพังผืดที่มีประสิทธิผลสำหรับใช้ในระหว่างการผ่าตัดทางนรีเวช แต่เราไม่พบหลักฐานที่บ่งชี้ว่าช่วยเพิ่มผลลัพธ์การเจริญพันธุ์ หรืออาการปวดท้องน้อย และจำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมในเรื่องนี้ นอกจากนี้ยังเป็นที่น่าสังเกตว่าสำหรับการเปรียบเทียบบางครั้งช่วงความเชื่อมั่นที่กว้างข้ามเส้นที่ไม่มีผลกระทบหมายความว่าไม่สามารถบอกได้ว่าจะมีอันตรายทางคลินิกอันเป็นผลมาจากการรักษาได้ การศึกษาในอนาคตควรวัดผลในลักษณะที่สม่ำเสมอโดยใช้คะแนน modified American Fertility Society ควรรายงานการค้นพบทางสถิติอย่างครบถ้วน ไม่มีการศึกษาใดรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ ที่เกิดจากการรักษา

บันทึกการแปล

แปลโดย พญ.วิลาสินี หน่อแก้ว ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เมื่อ 30 สิงหาคม 2020

การอ้างอิง
Ahmad G, Thompson M, Kim K, Agarwal P, Mackie FL, Dias S, Metwally M, Watson A. Fluid and pharmacological agents for adhesion prevention after gynaecological surgery. Cochrane Database of Systematic Reviews 2020, Issue 7. Art. No.: CD001298. DOI: 10.1002/14651858.CD001298.pub5.

การใช้คุกกี้ของเรา

เราใช้คุกกี้ที่จำเป็นเพื่อให้เว็บไซต์ของเรามีประสิทธิภาพ เรายังต้องการตั้งค่าการวิเคราะห์คุกกี้เพิ่มเติมเพื่อช่วยเราปรับปรุงเว็บไซต์ เราจะไม่ตั้งค่าคุกกี้เสริมเว้นแต่คุณจะเปิดใช้งาน การใช้เครื่องมือนี้จะตั้งค่าคุกกี้บนอุปกรณ์ของคุณเพื่อจดจำการตั้งค่าของคุณ คุณสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าคุกกี้ได้ตลอดเวลาโดยคลิกที่ลิงก์ 'การตั้งค่าคุกกี้' ที่ส่วนท้ายของทุกหน้า
สำหรับข้อมูลโดยละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุกกี้ที่เราใช้ โปรดดู หน้าคุกกี้

ยอมรับทั้งหมด
กำหนดค่า