การรักษาด้วยการสอดสายสวนหลอดเลือดเทียบกับการรักษาทางการแพทย์ทั่วไปสำหรับภาวะหลอดเลือดแดงในกะโหลกศีรษะตีบแบบมีอาการ

หลอดเลือดแดงในสมองตีบคืออะไร

หลอดเลือดแดงในสมองตีบ (ICAS) คือการตีบของหลอดเลือดในสมองที่เกิดจากการสะสมของคราบพลัค (ไขมันสะสม) เป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดสมองที่พบได้บ่อยทั่วโลก เมื่อภาวะนี้ทำให้เกิดอาการของโรคหลอดเลือดสมอง จะเรียกว่า ICAS ที่มีอาการ

หลอดเลือดสมองตีบรักษาได้อย่างไร

ICAS สามารถรักษาได้ด้วยการสอดสายสวนหลอดเลือดหรือการรักษาทางการแพทย์ทั่วไป แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าวิธีใดได้ผลดีที่สุด ในการรักษาด้วยการสอดสายสวน ศัลยแพทย์จะสอดท่อบาง ๆ ที่เรียกว่าสายสวนเข้าไปในหลอดเลือดแดงที่แขนหรือขาหนีบของผู้เข้ารับการรักษา และนำท่อดังกล่าวไปยังหลอดเลือดแดงในสมองที่ได้รับผลกระทบ จากนั้นศัลยแพทย์สามารถขยายหลอดเลือดแดงที่ตีบด้วยบอลลูนขนาดเล็ก หรือวางท่อตาข่ายขนาดเล็กไว้ภายในหลอดเลือดแดงที่ตีบเพื่อเปิด หรือใช้ทั้งสองเทคนิคในขั้นตอนเดียวกัน การรักษาทางการแพทย์ทั่วไปได้แก่การรับประทานยาต้านเกล็ดเลือด (ยาที่ทำให้เกล็ดเลือดหยุดการเกาะตัวกัน) และการพยายามควบคุมปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมอง (ความดันโลหิตสูง คอเลสเตอรอลสูง และเบาหวาน) ด้วยยาและการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต

เราต้องการค้นหาอะไร

เราต้องการทราบว่าการรักษาด้วยการสอดสายสวนร่วมกับการรักษาทางการแพทย์แบบเดิมมีประสิทธิภาพมากกว่าการรักษาทางการแพทย์แบบเดิมเพียงอย่างเดียวในการป้องกันโรคหลอดเลือดสมองและการเสียชีวิตในผู้ที่มีอาการ ICAS หรือไม่

เราทำอะไร

เราค้นหาการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุม (การศึกษาที่จัดผู้เข้าร่วมให้เข้าร่วมกลุ่มการรักษา 1 ใน 2 กลุ่มขึ้นไปโดยใช้วิธีการสุ่ม) ซึ่งเปรียบเทียบการรักษา 2 รายการในผู้ที่มีอาการ ICAS เราเปรียบเทียบและสรุปผลการศึกษาและให้คะแนนความเชื่อมั่นในหลักฐาน โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น วิธีการศึกษาและขนาด

เราพบอะไร

เรารวมการทดลองสี่เรื่องที่มีผู้เข้าร่วมทั้งหมด 989 คนซึ่งเพิ่งมีอาการของ ICAS มีการทดลองสามเรื่องในหลายศูนย์ และเปรียบเทียบการรักษาด้วยการสอดสายสวนหลอดเลือดที่เกี่ยวข้องกับการใส่ขดลวดกับการรักษาทางการแพทย์แบบเดิม การทดลองสองเรื่องเกิดขึ้นในศูนย์การแพทย์ของจีนและเปรียบเทียบการรักษาด้วยการสอดสายสวนประเภทต่างๆ กับการรักษาทางการแพทย์ทั่วไปในผู้เข้าร่วมชาวจีน

ผลลัพธ์หลัก

ผู้ที่ได้รับการรักษาด้วยการสอดท่อสวนหลอดเลือดเช่นเดียวกับผู้มี่ได้รับการรักษาทางการแพทย์ทั่วไปมีแนวโน้มที่จะเสียชีวิตหรือเป็นโรคหลอดเลือดสมองในระยะสั้นและระยะยาว ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในอัตราของโรคหลอดเลือดสมองตีบและการเสียชีวิตหรือการพึ่งพาในระยะยาว

ข้อจำกัด ของหลักฐานคืออะไร

เรามีความมั่นใจปานกลางในผลลัพธ์บางรายการ และไม่มั่นใจในผลลัพธ์อื่นๆ เนื่องจากการศึกษาวิจัยนี้มีคนเพียงไม่กี่คน

หลักฐานเป็นปัจจุบันแค่ไหน

หลักฐานมีถึงวันที่ 16 สิงหาคม 2022

ข้อสรุปของผู้วิจัย: 

การทบทวนนี้แสดงหลักฐานที่มีความเชื่อมั่นในระดับปานกลางว่า ET ร่วมกับ CMT เมื่อเทียบกับ CMT เพียงอย่างเดียวจะเพิ่มความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองในระยะสั้นและการเสียชีวิตในผู้ที่เพิ่งมี ICAS ที่มีอาการรุนแรง ผลกระทบนี้ยังคงชัดเจนในการติดตามผลระยะยาว แต่ดูเหมือนจะเกิดจากความเสี่ยงในระยะแรกเริ่มของ ET; ดังนั้น อาจไม่มีความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างสิ่งแทรกแซงในแง่ของผลกระทบต่อโรคหลอดเลือดสมองในระยะยาวและการเสียชีวิต ผลกระทบของการแทรกแซง ET ที่ล่าช้า (มากกว่าสามสัปดาห์หลังจากเหตุการณ์ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม) ควรจะมีการศึกษาเพิ่มเติม

อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
บทนำ: 

หลอดเลือดแดงในสมองตีบ (ICAS) คือการตีบของหลอดเลือดแดงในสมองซึ่งอาจทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองตีบได้ การรักษาด้วยการสอดสายสวน (ET) และการรักษาทางการแพทย์ทั่วไปแบบดั้งเดิม (CMT) อาจป้องกันภาวะหลอดเลือดสมองตีบซ้ำที่เกิดจาก ICAS อย่างไรก็ตาม ไม่มีความเห็นเป็นเอกฉันท์เกี่ยวกับการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่มี ICAS

วัตถุประสงค์: 

เพื่อประเมินความปลอดภัยและประสิทธิภาพของการรักษาด้วยการสอดสายสวนร่วมกับการรักษาทางการแพทย์แบบดั้งเดิม เปรียบเทียบกับการรักษาทางการแพทย์ทั่วไปเพียงอย่างเดียวสำหรับการจัดการภาวะหลอดเลือดแดงในกะโหลกศีรษะตีบตามอาการ

วิธีการสืบค้น: 

เราสืบค้นใน Cochrane Stroke Group Trials Register, CENTRAL, MEDLINE, Embase ฐานข้อมูลอื่นๆ สี่ฐานข้อมูล และทะเบียนการทดลอง 3 แหล่งในวันที่ 16 สิงหาคม 2022 เราติดต่อผู้วิจัยการศึกษาเมื่อต้องการข้อมูลเพิ่มเติม

เกณฑ์การคัดเลือก: 

เรารวมการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุม (RCTs) ที่เปรียบเทียบ ET บวก CMT เทียบกับ CMT เพียงอย่างเดียวสำหรับการรักษา ICAS ที่มีอาการ รูปแบบ ET รวมถึงการขยายหลอดเลือดเพียงอย่างเดียว การใส่ขดลวดแบบใส่บอลลูน และการขยายหลอดเลือดตามด้วยการใส่ขดลวดที่ขยายเอง CMT รวมการรักษาด้วยยาต้านเกล็ดเลือด นอกเหนือจากการควบคุมปัจจัยเสี่ยง เช่น ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง และเบาหวาน

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล: 

ผู้ทบทวน 2 คนคัดกรองข้อมูลที่บันทึกไว้อย่างอิสระเพื่อเลือก RCT ที่เข้าเกณฑ์ จากนั้นดึงข้อมูล เราแก้ไขข้อขัดแย้งผ่านการสนทนา บรรลุการตัดสินใจที่เป็นเอกฉันท์ระหว่างทีมงานทั้งหมด เราประเมินความเสี่ยงของการมีอคติและใช้วิธี GRADE เพื่อประเมินความแน่นอนของหลักฐาน ผลลัพธ์หลักคือการตายด้วยสาเหตุใด ๆ หรือโรคหลอดเลือดสมองชนิดไม่ร้ายแรงใด ๆ ภายใน 3 เดือนของการสุ่ม ผลลัพธ์ทุติยภูมิ ได้แก่ การตายจากทุกสาเหตุหรือโรคหลอดเลือดสมองชนิดไม่ร้ายแรงใดๆ ที่เกิดขึ้นหลังการสุ่มมากกว่า 3 เดือน โรคหลอดเลือดสมองตีบตันข้างเดียว โรคหลอดเลือดสมองขาดเลือดชั่วคราว โรคหลอดเลือดสมองตีบ โรคหลอดเลือดสมองจากภาวะเลือดออก การเสียชีวิต การตีบตัน ที่กลับเป็นอีก การต้องพึ่งพาผู้อื่น และคุณภาพชีวิตที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ

ผลการวิจัย: 

เรารวบรวม RCTs 4 ฉบับ โดยมีผู้เข้าร่วม 989 คนซึ่งมีอาการ ICAS ช่วงอายุ 18 ถึง 85 ปี เราพบการศึกษาที่กำลังดำเนินอยู่ 2 รายการ การทดลองทั้งหมดมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอคติด้านประสิทธิภาพ เนื่องจากเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้ผู้เข้าร่วมและบุคลากรไม่ทราบวิธีการที่ใช้ (intervention) การทดลอง 3 เรื่อง เลิกทำก่อนกำหนด การทดลอง 1 ฉบับมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดอคติจากการขาดการติดตามอย่างมากหลังจากผ่านไป 1 ปี และผู้เข้าร่วมการศึกษาในสัดส่วนสูงที่ย้ายจาก ET ไปเป็น CMT ความเชื่อมั่นของหลักฐานอยู่ในระดับต่ำถึงปานกลาง เราลดระดับความเชื่อมั่นลงเนื่องจากความไม่แม่นยำ

เมื่อเปรียบเทียบกับ CMT เพียงอย่างเดียว ET ร่วมกับ CMT อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตในระยะสั้นหรือโรคหลอดเลือดสมอง (อัตราส่วนความเสี่ยง (RR) 2.93, ช่วงความเชื่อมั่น 95% (CI) 1.81 ถึง 4.75; 4 RCTs, ผู้เข้าร่วม 989 คน; ความเชื่อมั่นปานกลาง) โรคหลอดเลือดสมอง ipsilateral ระยะสั้น (RR 3.26, 95% CI 1.94 ถึง 5.48; 4 RCTs, ผู้เข้าร่วม 989 คน; ความเชื่อมั่นปานกลาง), โรคหลอดเลือดสมองขาดเลือดระยะสั้น (RR 2.24, 95% CI 1.30 ถึง 3.87; 4 RCTs, ผู้เข้าร่วม 989 คน; ความเชื่อมั่นปานกลาง), และการเสียชีวิตในระยะยาวหรือโรคหลอดเลือดสมอง (RR 1.49, 95% CI 1.12 ถึง 1.99; 4 RCTs, ผู้เข้าร่วม 970 คน; ความเชื่อมั่นปานกลาง) เมื่อเปรียบเทียบกับ CMT เพียงอย่างเดียว ET ร่วมกับ CMT อาจเพิ่มความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองชนิดเลือดออกในระยะสั้น (RR 13.49, 95% CI 2.59 ถึง 70.15; RCTs 4 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 989 คน; ความเชื่อมั่นต่ำ), การเสียชีวิตในระยะสั้น (RR 5.43, 95% CI 1.21 ถึง 24.40; RCTs 4 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 989 คน; มีความเชื่อมั่นต่ำ) และโรคหลอดเลือดสมองชนิดเลือดออกระยะยาว (RR 7.81, 95% CI 1.43 ถึง 42.59; RCTs 3 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 879 คน; มีความเชื่อมั่นต่ำ) ไม่ชัดเจนว่า ET บวก CMT เทียบกับ CMT เพียงอย่างเดียวมีผลต่อความเสี่ยงของการขาดเลือดชั่วคราวในระยะสั้น (RR 0.79, 95% CI 0.30 ถึง 2.07; RCTs 3 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 344 คน; ความเชื่อมั่นปานกลาง), ภาวะขาดเลือดชั่วคราวในระยะยาว (RR 1.05, 95% CI 0.50 ถึง 2.19; RCTs 3 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 335 คน; ความเชื่อมั่นปานกลาง), โรคหลอดเลือดสมอง ipsilateral ระยะยาว (RR 1.78, 95% CI 1.00 ถึง 3.17; RCTs 4 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 970 คน; ความเชื่อมั่นปานกลาง), โรคหลอดเลือดสมองขาดเลือดระยะยาว (RR 1.56, 95% CI 0.77 ถึง 3.16; RCTs 4 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 970 คน; ความเชื่อมั่นปานกลาง), การเสียชีวิตระยะยาว (RR 1.61, 95% CI 0.77 ถึง 3.38; RCTs 4 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 951 คน; ความเชื่อมั่นปานกลาง) และ การพึ่งพาผู้อื่นระยะยาว (RR 1.51, 95% CI 0.93 ถึง 2.45; RCTs 4 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 947 คน; ความเชื่อมั่นปานกลาง) ไม่มีการวิเคราะห์กลุ่มย่อยใดที่ปรับเปลี่ยนผลกระทบของ ET บวก CMT เทียบกับ CMT เพียงอย่างเดียวอย่างมีนัยสำคัญ การทดลองเหล่านี้ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการกลับมาตีบซ้ำหรือคุณภาพชีวิตที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ

บันทึกการแปล: 

แปลโดย พญ.วิลาสินี หน่อแก้ว โรงพยาบาลมะเร็งอุบลราชธานี Edit โดย ผกากรอง 17 มีนาคม 2023

Tools
Information