ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

วิธีการดูแลรักษาด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศสุขภาพ (eHealth) สำหรับผู้ที่เป็นโรคไตเรื้อรัง

ปัญหาคืออะไร

โรคไตเรื้อรัง (Chronic kidney disease (CKD)) เป็นภาวะที่การทำงานของไตลดลงในช่วงระยะเวลาหนึ่ง การที่จะให้ผู้ที่เป็นโรคไตเรื้อรังยังมีความเป็นอยู่ที่ดีนั้นจำเป็นต้องปฎิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ในเรื่องอาหารเชิงซ้อน วิถีชีวิต การใช้ยา และบ่อยครั้งจำเป็นต้องรับบริการทางการแพทย์จากผู้เชี่ยวชาญ ผู้ที่เป็นโรคไตเรื้อรังรุนแรงบางคนอาจจำเป็นต้องล้างไตหรือรักษาด้วยการปลูกถ่ายไต ผู้ป่วยที่สามารถจัดการโรคนี้ได้ด้วยตนเองนั้นช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตและช่วยให้มีชีวิตที่ยืนยาวยิ่งขึ้น อีกทั้งลดค่าใช้จ่ายในทางการแพทย์อีกด้วย วิธีการดูแลรักษาด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศสุขภาพ (eHealth) อาจช่วยเพิ่มความสามารถของผู้ป่วยในการดูแลตนเองและปรับปรุงการดูแลรักษาของการให้บริการด้านการแพทย์และสาธารณสุข วิธีการดูแลรักษาด้วย eHealth หมายถึง "การให้บริการและการส่งต่อข้อมูล หรือส่งเสริมสุขภาพผ่านอินเตอร์เน็ตและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง" อย่างไรก็ตาม ยังมีงานวิจัยเพียงเล็กน้อยที่ประเมินผลกระทบของการดูแลรักษาด้วย eHealth ในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง

เราทำอะไร

เรามุ่งเน้นไปที่การทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุม (RCT) ซึ่งศึกษาในผู้ที่เป็นโรคไตเรื้อรัง (รวมถึงก่อนการฟอกเลือด การฟอกเลือดหรือการปลูกถ่ายไต) และเปรียบเทียบการดูแลรักษาด้วย eHealth กับการดูแลรักษาตามปกติ

เราค้นพบอะไร

เราพบการศึกษา 43 เรื่อง ที่มีผู้เข้าร่วมโครงการ 6617 คนที่เป็นโรคไตเรื้อรัง ซึ่งได้รับการประเมินว่าการดูแลรักษาด้วย eHealth ช่วยปรับปรุงการดูแลผู้ป่วยและผลลัพธ์ด้านสุขภาพหรือไม่ การดูแลรักษาด้วย eHealth ใช้ชนิดของเทคโนโลยีที่แตกต่างกัน เช่น โทรเวช (Telehealth) จอภาพอิเล็กทรอนิก (Electronic monitors) แอปพลิเคชันมือถือหรือแท็บเล็ตข้อความตัวอักษรหรืออีเมล เว็บไซต์ และดีวีดีหรือวิดีโอ การดูแลรักษาถูกจำแนกตามเจตจำนงของผู้เข้าร่วมโครงการ ได้แก่ การศึกษา ระบบเตือนความจำ การตรวจสอบตนเอง การให้คำปรึกษาด้านพฤติกรรม การช่วยตัดสินใจทางคลินิก และการดูแลรักษาแบบผสมผสาน เราแบ่งผลลัพธ์ออกเป็น 9 ด้าน ได้แก่ การบริโภคอาหาร คุณภาพชีวิต การควบคุมความดันโลหิต การรับประทานยา ผลการตรวจเลือด การวิเคราะห์ต้นทุน พฤติกรรม กิจกรรมทางกาย และผลลัพธ์สุดท้ายทางคลินิก เช่น การเสียชีวิต เราพบว่ายังมีความไม่แน่นอนว่าการใช้การดูแลรักษาด้วย eHealth ช่วยปรับปรุงผลลัพธ์ทางคลินิกและผลลัพธ์โดยยึดผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง เมื่อเทียบกับการดูแลรักษาตามปกติ คุณภาพของการศึกษาที่นำเข้ามีคุณภาพต่ำ ซึ่งหมายความว่าเราไม่สามารถมั่นใจได้ว่าการศึกษาในอนาคตจะพบผลลัพธ์ในทำนองเดียวกัน

บทสรุป

เราไม่แน่ใจว่าการใช้การดูแลรักษาด้วย eHealth จะช่วยปรับปรุงผลลัพธ์สำหรับผู้ที่เป็นโรคไตเรื้อรัง เราต้องการการศึกษาที่มีขนาดใหญ่และมีคุณภาพดีเพื่อช่วยให้เข้าใจผลกระทบของ eHealth ต่อสุขภาพของผู้ที่เป็นโรคไตเรื้อรัง

บทนำ

โรคไตเรื้อรัง (CKD) มีความสัมพันธ์กับการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตสูง ซึ่งเพิ่มขึ้นเมื่อโรคไตเรื้อรังดำเนินไปสู่โรคไตระยะสุดท้าย (ESKD) มีความสนใจในการพัฒนาวิธีการใหม่ ๆ ที่มีประสิทธิผลและคุ้มค่าเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้ป่วย ปรับปรุงพฤติกรรม และผลลัพธ์ด้านสุขภาพให้ดีขึ้น โดยทั่วโลกมีการใช้เทคโนโลยีเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยมีความสนใจเพิ่มขึ้นในการใช้วิธีการดูแลรักษาด้วย eHealth เพื่อปรับปรุงการเข้าถึงข้อมูลด้านสุขภาพที่เกี่ยวข้องของผู้ป่วย เพิ่มคุณภาพของการดูแลสุขภาพ และส่งเสริมให้มีพฤติกรรมที่ดีต่อสุขภาพ

วัตถุประสงค์

การทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินประโยชน์และอันตรายของการใช้วิธีการดูแลรักษาด้วย eHealth เพื่อเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสุขภาพในผู้ที่เป็นโรคไตเรื้อรัง

วิธีการสืบค้น

เราสืบค้นในฐานข้อมูล Cochrane Kidney and Transplant Specialised Register จนถึงวันที่ 14 มกราคม 2019 ผ่านการติดต่อกับผู้เชี่ยวชาญด้านสารสนเทศโดยใช้คำค้นที่เกี่ยวข้องกับการทบทวนวรรณกรรมนี้ การศึกษาที่ลงทะเบียนถูกพบโดยการสืบค้นในฐานข้อมูลดังนี้ CENTRAL, MEDLINE และ EMBASE, เอกสารการประชุมวิชาการ, the International Clinical Trials Register (ICTRP) Search Portal และ ClinicalTrials.gov

เกณฑ์การคัดเลือก

การทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุม (RCTs) และการวิจัยกึ่งทดลอง (quasi-RCTs) ที่ใช้วิธีการดูแลรักษาด้วย eHealth เพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในผู้ที่เป็นโรคไตเรื้อรังถูกนำเข้ามาในการทบทวนวรรณกรรม ไม่มีข้อจำกัดเกี่ยวกับผลลัพธ์ ภาษา หรือชนิดการตีพิมพ์

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล

ผู้ทบทวนวรรณกรรม 2 คนประเมินความเหมาะสมของการศึกษาตามเกณฑ์ ดึงข้อมูล และประเมินความเสี่ยงของการมีอคติอย่างอิสระต่อกัน ความเชื่อมั่นของหลักฐานที่ได้รับการประเมินโดยใช้วิธีการ GRADE

ผลการวิจัย

เรานำเข้าการศึกษา 43 เรื่อง มีผู้เข้าร่วมโครงการ 6617 คนที่ประเมินผลกระทบของการดูแลรักษาด้วย eHealth ในผู้ที่เป็นโรคไตเรื้อรัง การศึกษาที่นำเข้ามีความแตกต่างกันในแง่ของรูปแบบ eHealth ที่ใช้ ประเภทของวิธีการดูแลรักษา ประชากรผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังที่ศึกษา และผลลัพธ์ที่ประเมิน การศึกษาส่วนใหญ่ (การศึกษา 39 เรื่อง) ดำเนินการศึกษาในประชากรผู้ใหญ่ โดย การศึกษา 16 (37%) เรื่องดำเนินการศึกษาในผู้ที่ล้างไต การศึกษา 11 (26%) เรื่อง ดำเนินการศึกษาในกลุ่มประชากรก่อนการล้างไต การศึกษา 15 (35%) เรื่อง ดำเนินการศึกษาในผู้รับการปลูกถ่าย และอีกการศึกษา 1(2%) เรื่อง ดำเนินการศึกษาในผู้สมัครปลูกถ่าย เราพบวิธีการใช้ eHealth ที่แตกต่างกัน 6 แบบ ได้แก่ โทรเวช; แอปพลิเคชันมือถือหรือแท็บเล็ต ข้อความหรืออีเมล จอภาพอิเล็กทรอนิก อินเทอร์เน็ต / เว็บไซต์; และวิดีโอหรือดีวีดี การศึกษาจำนวน 3 เรื่องใช้วิธีการดูแลรักษาด้วย eHealth แบบผสมผสาน วิธีการดูแลรักษาถูกจำแนกออกเป็น 6 ประเภท ได้แก่ การให้ความรู้ ระบบเตือนความจำ การตรวจสอบตนเอง การให้คำปรึกษาด้านพฤติกรรม การช่วยตัดสินใจทางคลินิก และการดูแลรักษาแบบผสมผสาน เราพบ 98 ผลลัพธ์ซึ่งแบ่งออกเป็น 9 ด้าน: ความดันโลหิต (การศึกษา 9 เรื่อง); ค่าทางชีวเคมี (การศึกษา 6 เรื่อง); ผลลัพธฺ์สุดท้ายทางคลินิก (การศึกษา 16 เรื่อง); การบริโภคอาหาร (การศึกษา 3 เรื่อง); คุณภาพชีวิต (การศึกษา 9 เรื่อง); ความสม่ำเสมอในการรับประทานยา (การศึกษา 10 เรื่อง); พฤติกรรม (การศึกษา 7 เรื่อง); การออกกำลังกาย ( การศึกษา 1 เรื่อง); และความคุ้มทุน (การศึกษา 7 เรื่อง)

มีเพียง 3 ผลลัพธ์เท่านั้นที่สามารถวิเคราะห์เมตต้า (Meta-analysis) ได้ เนื่องจากมีความแตกต่างกันอย่างมากในประชากรที่ศึกษาและรูปแบบ eHealth ที่ใช้ เราพบน้ำหนักตัวที่เพิ่มระหว่างการฟอกเลือด (interdialytic weight gain) ลดลง 0.13 กิโลกรัม (การศึกษา 4 เรื่อง ผู้เข้าร่วมโครงการ 335 คน: MD -0.13, 95% CI -0.28 ถึง 0.01; I2 = 0%) และปริมาณโซเดียมในอาหารลดลง 197 มก. / วัน (การศึกษา 2 เรื่อง ผู้เข้าร่วมโครงการ 181 คน: MD -197, 95% CI -540.7 ถึง 146.8; I2 = 0%). ผลลัพธ์ของทั้งการจัดการโซเดียมในอาหารและของเหลว ได้รับการจัดระดับหลักฐานในระดับต่ำเนื่องจากมีความเสี่ยงสูงหรือไม่ชัดเจนของความเสี่ยงของการมีอคติและความไม่เที่ยงตรง (การเพิ่มของน้ำหนักตัวที่เพิ่มระหว่างการฟอกเลือด) และความเสี่ยงที่สูงหรือไม่ชัดเจนของความเสี่ยงของการมีอคติและความไม่แม่นยำ (การบริโภคโซเดียมในอาหาร) การศึกษา 3 เรื่องรายงานการเสียชีวิต (ผู้เข้าร่วมโครงการ 2799 คน เสียชีวิต 146 คน) โดยมีผู้เสียชีวิต 45 คน / 1,000 คน เมื่อเทียบกับการดูแลมาตรฐานที่มีผู้เสียชีวิต 61 คน / 1,000 คน (RR 0.74, CI 0.53 ถึง 1.03; P = 0.08) เรายังไม่แน่ใจว่าการใช้วิธีการดูแลรักษาด้วย eHealth นอกเหนือจากการดูแลตามปกติจะส่งผลกระทบต่อจำนวนผู้เสียชีวิตหรือไม่ เพราะความน่าเชื่อถือของหลักฐานนี้มีระดับต่ำเนื่องจากมีความเสี่ยงของการมีอคติสูงหรือไม่ชัดเจน ความไม่คล้ายคลึงกันของหลักฐานทางตรงระหว่างคู่เปรียบเทียบ (Indirectness) และความไม่แม่นยำ (imprecision)

ข้อสรุปของผู้วิจัย

การดูแลรักษาด้วย eHealth อาจช่วยปรับปรุงการจัดการบริโภคโซเดียมในอาหารและการจัดการของเหลวได้ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเหล่านี้โดยรวมชี้ให้เห็นว่าหลักฐานในปัจจุบันสำหรับการใช้การดูแลรักษาด้วย eHealth ในประชากรผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังมีคุณภาพต่ำ โดยมีผลกระทบที่ไม่ชัดเจนเนื่องจากข้อจำกัดด้านระเบียบวิธีวิจัยและความแตกต่างของรูปแบบ eHealth และประเภทวิธีการดูแลรักษา การทบทวนวรรณกรรมของเราได้เน้นถึงความจำเป็นต้องมีการวิจัยที่มีประสิทธิภาพและมีคุณภาพสูงซึ่งรายงานชุดข้อมูลหลัก (ขั้นต่ำ) เพื่อให้สามารถประเมินผลงานได้อย่างมีความหมาย

บันทึกการแปล

แปลโดย นายอนุวัตน์ เพ็งพุฒ นักวิชาการสาธารณสุขปฏิบัติการ สำนักงานสาธารณสุขอำเภอห้วยเม็ก จังหวัดกาฬสินธุ์ วันที่ 13 สิงหาคม 2020

Citation
Stevenson JK, Campbell ZC, Webster AC, Chow CK, Tong A, Craig JC, Campbell KL, Lee VWS. eHealth interventions for people with chronic kidney disease. Cochrane Database of Systematic Reviews 2019, Issue 8. Art. No.: CD012379. DOI: 10.1002/14651858.CD012379.pub2.