วิธีการให้ความรู้ด้านสุขภาพในผู้ที่เป็นโรคไตเรื้อรัง

ประเด็นคืออะไร
การจัดการโรคไตเรื้อรังระยะยาว (CKD) จำเป็นต้องให้ผู้ที่เป็นโรคมีส่วนร่วมในการดูแลตนเองเนื่องจากเป็นโรคเรื้อรังที่ซับซ้อน หลายคนที่เป็นโรค CKD อาจไม่เข้าใจวิธีใช้ข้อมูลด้านสุขภาพเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจเกี่ยวกับการรักษาและการจัดการได้ดีที่สุด ความสามารถหรือทักษะนี้เรียกว่าความรอบรู้ด้านสุขภาพ การปรับปรุงความรอบรู้ด้านสุขภาพของผู้ที่เป็นโรค CKD อาจปรับปรุงผลลัพธ์ด้านสุขภาพและช่วยให้พวกเขาจัดการกับโรคและหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อนได้

เราทำอะไร
เราค้นหาวรรณกรรมสำหรับการศึกษาใด ๆ ที่รวมถึงวิธีการที่มุ่งปรับปรุงความรอบรู้ด้านสุขภาพในผู้ที่เป็นโรคไตวายเรื้อรัง วิธีการแบ่งออกเป็นวิธีการทางให้ความรู้ วิธีการฝึกอบรมการจัดการตนเอง และวิธีการให้ความรู้ร่วมกับการฝึกอบรมการจัดการตนเอง

เราพบอะไร
เราพบการศึกษา 120 ฉบับ ที่รวมผู้ป่วย 21,149 คน เมื่อเทียบกับการดูแลตามปกติ วิธีการให้ความรู้อาจเพิ่มความรู้เรื่องไต อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลตนเอง การรับรู้ความสามารถแห่งตน คุณภาพชีวิต (QoL) การตาย การทำงานของไต และการเข้ารักาาในโรงพยาบาล หรือไม่มีการรายงาน วิธีการจัดการตนเองอาจปรับปรุงการรับรู้ความสามารถของตนเองและด้านหนึ่งของ QoL (คะแนนองค์ประกอบทางกายภาพ) แต่อาจไม่ชะลอการทำงานของไตที่ลดลงหลังจากผ่านไปหนึ่งปี ไม่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลความรู้ พฤติกรรมการดูแลตนเอง การเสียชีวิต และการรักษาตัวในโรงพยาบาลได้ หรือไม่มีการรายงาน การให้ความรู้ที่มีวิธีการจัดการตนเองอาจเพิ่มความรู้ ปรับปรุงคะแนนพฤติกรรมการดูแลตนเอง การรับรู้ความสามารถของตนเอง ด้านหนึ่งของ QoL (คะแนนองค์ประกอบทางกายภาพ) และอาจลดความเสี่ยงของการเสียชีวิต แต่อาจสร้างความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยในการชะลอการลดลงของค่าการทำงานของไต ไม่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลการเข้ารักษาในโรงพยาบาลได้

บทสรุป

วิธีการเพื่อปรับปรุงความรอบรู้ด้านสุขภาพเป็นประเภทที่กว้างมาก ได้แก่วิธีการทางการศึกษา วิธีการจัดการตนเอง และการศึกษาด้วยวิธีการจัดการตนเอง โดยรวมแล้ว วิธีการให้ความรอบรู้ด้านสุขภาพประเภทนี้น่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากข้อจำกัดของวิธีการศึกษาและความแปรปรวนสูงของวิธีการและผลลัพธ์ ทำให้ยากต่อการให้คำแนะนำใดๆ

ข้อสรุปของผู้วิจัย: 

วิธีการเพื่อปรับปรุงความรอบรู้ด้านสุขภาพเป็นประเภทที่กว้างมาก ได้แก่วิธีการทางการศึกษา วิธีการจัดการตนเอง และการศึกษาด้วยวิธีการจัดการตนเอง โดยรวมแล้ว วิธีการให้ความรู้ด้านสุขภาพประเภทนี้น่าจะเป็นประโยชน์ในกลุ่มนี้ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากข้อจำกัดของวิธีการและความหลากหลายสูงในวิธีการและผลลัพธ์ หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำ

อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
บทนำ: 

ความรอบรู้ด้านสุขภาพต่ำส่งผลกระทบต่อ 25% ของผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง (CKD) และเกี่ยวข้องกับการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้น การปรับปรุงความรอบรู้ด้านสุขภาพถือเป็นสิ่งสำคัญที่ได้รับการยอมรับ แต่วิธีการที่มีประสิทธิภาพยังไม่ชัดเจน

วัตถุประสงค์: 

การทบทวนวรรณกรรมนี้พิจารณาถึงประโยชน์และโทษของวิธีการปรับปรุงความรอบรู้ด้านสุขภาพในผู้ที่เป็นโรคไตวายเรื้อรัง

วิธีการสืบค้น: 

เราค้นหาใน Cochrane Kidney and Transplant Register of Studies จนถึงวันที่ 12 กรกฎาคม 2022 ผ่านการติดต่อกับ Information Specialist โดยใช้คำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับการทบทวนวรรณกรรมนี้ การศึกษาใน Register ได้จากการค้นหา CENTRAL, MEDLINE และ EMBASE รายงานการประชุม International Clinical Trials Register (ICTRP) และ ClinicalTrials.gov เรายังค้นหา MEDLINE (OVID) และ EMBASE (OVID) สำหรับการศึกษาแบบไม่สุ่ม

เกณฑ์การคัดเลือก: 

เรารวมการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุม (RCTs) และการศึกษาแบบไม่สุ่มที่ประเมินวิธีการที่มุ่งปรับปรุงความรอบรู้ด้านสุขภาพในผู้ที่เป็นโรคไตวายเรื้อรัง

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล: 

ผู้เขียนสองคนประเมินการศึกษาอย่างอิสระเพื่อความเหมาะสมและดำเนินการวิเคราะห์ความเสี่ยงของอคติ เราจัดประเภทการศึกษาว่าเป็นวิธีการที่มุ่งปรับปรุงแง่มุมของความรอบรู้ด้านสุขภาพ หรือวิธีการที่กำหนดเป้าหมายประชากรที่มีความรอบรู้ด้านสุขภาพไม่ดี วิธีการได้รับการจัดประเภทย่อยเพิ่มเติมในแง่ของประเภทของวิธีการ (การให้ความรู้ การฝึกอบรมการจัดการตนเอง หรือการให้ความรู้ที่มีการฝึกอบรมการจัดการตนเอง) เราแสดงการประมาณของผลลัพท์เป็นความแตกต่างเฉลี่ย (MD) หรือ standardised mean difference (SMD) โดยมีช่วงความเชื่อมั่น 95% (CIs) สำหรับผลลัพธ์ที่ต่อเนื่องและอัตราส่วนความเสี่ยง (RR) และ 95%CI สำหรับผลลัพธ์ที่เป็นแบบ dichotomous

ผลการวิจัย: 

เราพบการศึกษา 120 ฉบับ (ผู้เข้าร่วม 21,149 คน) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงความรอบรู้ด้านสุขภาพ มี RCTs 107 ฉบับ และ การศึกษาที่ไม่ได้มีการสุ่มตัวอย่าง 13 ฉบับ ไม่มีการศึกษาใดที่กำหนดเป้าหมายเป็นประชากรที่มีความรอบรู้ต่ำ สำหรับ RCTs พบ selection bias ต่ำหรือไม่ชัดเจนใน 94% ของการศึกษา, performance bias สูงใน 86% ของการศึกษา detection bias สูงใน 86% ของการศึกษาที่รายงานผลลัพธ์ที่เป็น subjective และต่ำใน 93% ของการศึกษาที่รายงานผลลัพธ์ที่เป็น objective Attrition bias และอคติอื่นๆ ต่ำหรือไม่ชัดเจนใน 86% และ 78% ของการศึกษาตามลำดับ

เมื่อเทียบกับการดูแลตามปกติ หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำแสดงให้เห็นว่าวิธีการให้การศึกษาอาจเพิ่มความรู้ที่เกี่ยวข้องกับไต (RCTs 14 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 2632 คน: SMD 0.99, 95% CI 0.69 ถึง 1.32; I² = 94%) ข้อมูลสำหรับการดูแลตนเอง การรับรู้ความสามารถของตนเอง คุณภาพชีวิต (QoL) การเสียชีวิต อัตราการกรองของไตโดยประมาณ (eGFR) และการรักษาในโรงพยาบาลไม่สามารถรวมได้หรือไม่ได้รายงาน

เมื่อเทียบกับการดูแลตามปกติ หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำแสดงให้เห็นว่าวิธีการจัดการตนเองอาจปรับปรุงการรับรู้ความสามารถของตนเอง (RCTs 5 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 417 คน: SMD 0.58, 95% CI 0.13 ถึง 1.03; I² = 74%) และคะแนนองค์ประกอบทางกายภาพของ QoL (3 RCTs ผู้เข้าร่วม 131 คน: MD 4.02, 95% CI 1.09 ถึง 6.94; I² = 0%) มีหลักฐานที่มีความเชื่อมั่นในระดับปานกลางว่าวิธีการจัดการตนเองอาจไม่ชะลอการลดลงของ eGFR หลังจาก 1 ปี (RCTs 3 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 855 คน: MD 1.53 มล./นาที/1.73 ตร.ม., 95% CI -1.41 ถึง 4.46; I² = 33%) ข้อมูลความรู้ พฤติกรรมการดูแลตนเอง การเสียชีวิต และการรักษาตัวในโรงพยาบาลไม่สามารถรวมหรือไม่ได้รายงาน

เมื่อเปรียบเทียบกับการดูแลตามปกติ หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำแสดงให้เห็นว่าการศึกษาที่มีวิธีการจัดการตนเองอาจเพิ่มความรู้ (15 RCTs ผู้เข้าร่วม 2185 คน: SMD 0.65, 95% CI 0.36 ถึง 0.93; I² = 90%) ปรับปรุงคะแนนพฤติกรรมการดูแลตนเอง (RCTs 4 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 913 คน: SMD 0.91, 95% CI 0.00 ถึง 1.82; I² =97%), การรับรู้ความสามารถของตนเอง (RCTs 8 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 687 คน: SMD 0.50, 95% CI 0.10 ถึง 0.89; I² = 82%) ปรับปรุงคะแนนองค์ประกอบทางกายภาพของ QoL (3 RCTs ผู้เข้าร่วม 2771 คน: MD 2.56, 95% CI 1.73 ถึง 3.38; I² = 0%) และอาจสร้างความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยในการชะลอการลดลงของ eGFR (RCTs 4 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 618 คน: MD 4.28 มล./นาที/1.73 ตร.ม., 95% CI -0.03 ถึง 8.85; I² = 43%) หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นปานกลางแสดงให้เห็นว่าการศึกษาที่มีวิธีการจัดการตนเองอาจลดความเสี่ยงของการเสียชีวิต (จากสาเหตุใดก็ได้) (RCTs 4 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 2801 คน: RR 0.73, 95% CI 0.53 ถึง 1.02; I² = 0%) ไม่สามารถรวมข้อมูลสำหรับการรักษาในโรงพยาบาลได้

บันทึกการแปล: 

แปลโดย ศ.นพ.ภิเศก ลุมพิกานนท์ ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 7 มกราคม 2023 Edit โดย ผกากรอง 31 มกราคม 2023

Tools
Information