วิธีการเพื่อลดข้อผิดพลาดในการใช้ยาในผู้ใหญ่ในสถานพยาบาล

ที่มาของคำถาม

เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากยา (ADE) คือการอันตรายที่เกิดจากวิธีการทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับยา บางครั้ง ADE อาจเกี่ยวข้องกับข้อผิดพลาดในการใช้ยา ADE และข้อผิดพลาดด้านยาอาจทำให้เกิดอันตราย ค่าใช้จ่าย และถึงแก่ชีวิตได้

การกระทบยอดยา - กระบวนการเปรียบเทียบคำสั่งยาของผู้ป่วยกับยาที่ผู้ป่วยใช้ หรือ กระบวนการเทียบประสานรายการยาร่วมกัน - เป็นประเภทของวิะีการที่พบบ่อยที่สุด การกระทบยอดยาสามารถทำได้ร่วมกับวิธีการที่ใช้อื่นๆ เช่น ระบบสั่งจ่ายยาแบบอิเล็กทรอนิกส์ บาร์โค้ดสำหรับการบริหารยาที่ถูกต้อง การเปลี่ยนแปลงองค์กร ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับข้อผิดพลาดในการใช้ยา การศึกษาของผู้เชี่ยวชาญ และระบบการจ่ายยาที่ได้รับการปรับปรุง

คำถามของการทบทวนวรรณกรรม

ประสิทธิผลของวิธีการที่ใช้เพื่อลดข้อผิดพลาดในการใช้ยาสำหรับผู้ใหญ่ในสถานพยาบาลคืออะไร

เรารวมการดูแลผู้ป่วยใน (หน่วยทุติยภูมิหรือตติยภูมิ หอผู้ป่วยหนัก ห้องผ่าตัด) การดูแลผู้ป่วยนอก และแผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน

ลักษณะการศึกษา

เราค้นหาฐานข้อมูลของการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ เรารวบรวมการศึกษา 65 ฉบับ โดย 51 เรื่องเป็นการศึกษาแบบสุ่ม โดยมีผู้ใหญ่ 23,182 คนในสถานพยาบาล การศึกษาที่เหลือ 14 ฉบับ เป็นการศึกษาขนาดใหญ่แบบอนุกรมเวลาที่ถูกขัดซึ่งเกี่ยวข้องกับระยะเวลาระยะยาวก่อนและหลังการแทรกแซงเพื่อประเมินผลกระทบของการแทรกแซง ซึ่งมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 87, 000 คน

ความเชื่อมั่นของหลักฐาน

เราประเมินหลักฐานที่รวมไว้เพื่อพิสูจน์ว่าเรามั่นใจเพียงใดว่าผลกระทบนั้นเป็นความจริง และจะไม่ถูกเปลี่ยนแปลงด้วยการเพิ่มหลักฐานเพิ่มเติม โดยทั่วไป เราถือว่าความแน่นอนของหลักฐานอยู่ในระดับต่ำถึงปานกลาง แต่ผลลัพธ์บางอย่างก็ต่ำมาก

ผลลัพธ์ที่สำคัญ

การรู้ข้อมูลยาเดิมของผู้ป่วยเมื่อเทียบกับการไม่รู้ข้อมูลยาเดิม อาจลด ADEs และอาจลดข้อผิดพลาดของการให้ยาได้ อาจมีผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีผลใดๆ ต่อระยะเวลาการเข้าพักหรือคุณภาพชีวิต อย่างไรก็ตาม ผลของการรู้ข้อมูลยาเดิมต่อผลลัพธ์หลังเหล่านี้ยังไม่แน่ชัด ยังไม่ชัดเจนว่าผลกระทบนั้นเป็นประโยชน์หรือเป็นอันตราย (หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำถึงปานกลาง)

เมื่อเทียบ MR โดยผู้เชี่ยวชาาญด้านอื่น การรู้ข้อมูลยา (MR) ที่ดำเนินการโดยเภสัชกรอาจเพิ่ม ADEs (แต่ผลลัพธ์นี้ไม่ชัดเจน); อาจลดข้อผิดพลาดของยา และอาจมีผลกระทบเพียงเล็กน้อยถึงไม่มีผลกับระยะเวลาการอยู่โรงพยาบาล การตายระหว่างการรักษาตัวในโรงพยาบาล และการกลับเข้ารับการรักษาซ้ำ อย่างไรก็ตาม ผลกระทบเหล่านี้ไม่ชัดเจน (หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำ)

เมื่อเทียบกับการไม่ให้ความช่วยเหลือ MR โดยใช้ฐานข้อมูลซึ่งดำเนินการโดยเภสัชกรอาจลด ADE ที่อาจเกิดขึ้นและอาจไม่มีผลต่อระยะเวลาพำนัก แต่ผลเรื่องสุดท้ายไม่ชัดเจน (หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำ)

การรู้ข้อมูลยาเดิมของผู้ป่วยที่ดำเนินการโดยเภสัชกรที่ได้รับการฝึกอบรมแทนเภสัชกร อาจไม่มีผลต่อระยะเวลาที่ต้องอยู่ รพ. แต่ผลกระทบนี้ไม่ชัดเจน (หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำ)

การรู้ข้อมูลการใช้ยาเดิมของผู้ป่วยก่อนเข้ารับการรักษา เทียบกับหลังเข้ารับการรักษา อาจเพิ่มการพบความคลาดเคลื่อนของยา อย่างไรก็ตาม ผลที่ได้นั้นไม่ชัดเจน (หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำ)

เมื่อเทียบกับการดูแลตามปกติ วิธีการที่ใช้บางอย่างมีผลต่างกัน:

วิธีการที่ใช้อย่างต่อเนื่องหลายรูปแบบอาจเพิ่มการแก้ปัญหาความคลาดเคลื่อน (หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลาง)

ระบบการสั่งจ่ายยาแบบอิเล็กทรอนิกส์อาจช่วยลดข้อผิดพลาดในการใช้ยาและ ADE การแจ้งเตือนตามลำดับความสำคัญอาจป้องกัน ADE เพิ่มเติมได้ (หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำถึงปานกลาง)

การระบุบาร์โค้ดของผู้เข้าร่วมหรือยาอาจลดข้อผิดพลาดในการใช้ยา (หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ)

ชั่วโมงการทำงานที่ลดลงและข้อเสนอแนะย้อนกลับเกี่ยวกับข้อผิดพลาดในการใช้ยาอาจลดข้อผิดพลาดด้านยาที่ร้ายแรง อย่างไรก็ตาม ผลที่ได้นั้นไม่ชัดเจน (หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำ)

บทสรุปของผู้เขียน

เมื่อเทียบกับการดูแลตามปกติ การรู้ยาเดิมที่ผู้ป่วยใช้ก่อนมาโรงพยาบาล ระบบการสั่งจ่ายยาแบบอิเล็กทรอนิกส์ บาร์โค้ด และการให้ข้อมูลย้อนกลับแก่ผู้เชี่ยวชาญ อาจลด ADE หรือข้อผิดพลาดในการใช้ยา หรือทั้งสองอย่าง อย่างไรก็ตาม แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการดำเนินการใช้วิธีการเหล่านี้ และผลของวิธีการที่ใช้อื่นๆ มีความชัดเจนน้อย

การทบทวนวรรณกรรมนี้เป็นปัจจุบันเพียงใด

ผู้ทบทวนค้นหาการศึกษาที่ได้รับการตีพิมพ์จนถึงเดือนมกราคม 2020

ข้อสรุปของผู้วิจัย: 

หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำถึงปานกลางชี้ให้เห็นว่าเมื่อเทียบกับการดูแลตามปกติ การกระทบยอดยา CPOE/CDSS บาร์โค้ด ระบบป้อนกลับและระบบการจ่ายยาในหอผู้ป่วยศัลยกรรมอาจลดข้อผิดพลาดในการใช้ยาและ ADE อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ไม่ชัดเจนสำหรับผลลัพธ์บางอย่างที่เกี่ยวข้องกับการกระทบยอดยาและ CPOE/CDSS หลักฐานสำหรับวิะีการที่ใช้อื่น ๆ นั้นไม่แน่นอนอย่างยิ่ง จำเป็นต้องมีการศึกษาที่มีประสิทธิภาพและถูกต้องตามระเบียบวิธีเพื่อแก้ไขช่องว่างของหลักฐานที่พบนี้ ควรมีการประเมินกลยุทธ์ที่เป็นนวัตกรรมและเสริมประโยชน์กัน รวมถึงกลยุทธ์ที่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยด้วย

อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
บทนำ: 

ข้อผิดพลาดของยาเป็นเหตุการณ์ที่ป้องกันได้ซึ่งอาจทำให้เกิดหรือนำไปสู่การใช้ยาที่ไม่เหมาะสมหรือเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยในขณะที่ยาอยู่ในการควบคุมของบุคลากรทางการแพทย์หรือผู้ป่วย ข้อผิดพลาดในการใช้ยาในผู้ใหญ่ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลอาจทำให้เกิดอันตราย มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม และถึงแก่ชีวิตได้

วัตถุประสงค์: 

เพื่อหาประสิทธิผลของวิธีการที่ใช้ (interventions) เพื่อลดข้อผิดพลาดในการใช้ยาในผู้ใหญ่ในสถานพยาบาล

วิธีการสืบค้น: 

เราค้นหาจาก CENTRAL, MEDLINE, Embase, ฐานข้อมูลอื่นๆ อีก 5 แห่ง และทะเบียนทดลอง 2 แห่ง เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2020

เกณฑ์การคัดเลือก: 

เรารวบรวมการศึกษาวิจัยแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุม (RCTs) และการศึกษาแบบอนุกรมเวลาแบบขัดจังหวะ (ITS) ที่ศึกษาวิธีการที่ใช้เพื่อมุ่งลดข้อผิดพลาดด้านยาในผู้ใหญ่ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เปรียบเทียบกับการดูแลตามปกติหรือวิธีการอื่นๆ ผลลัพธ์ได้แก่เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากยา (ADEs), ADE ที่อาจเกิดขึ้น, ADEs ที่สามารถป้องกันได้, ข้อผิดพลาดของยา, การตาย, การเจ็บป่วย, ระยะเวลาอยู่โรงพยาบาล, คุณภาพชีวิตและความคลาดเคลื่อนที่ระบุ/แก้ไข เรารวมสถานะของโรงพยาบาลแบบใดๆ เช่น หน่วยดูแลผู้ป่วยใน หน่วยผู้ป่วยนอก และแผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล: 

เราปฏิบัติตามขั้นตอนระเบียบวิธีมาตรฐานของ Cochrane และกลุ่มการปฏิบัติและการดูแลอย่างมีประสิทธิภาพ (EPOC) ในกรณีที่จำเป็น เราแยกและวิเคราะห์ข้อมูลการศึกษา ITS อีกครั้งโดยใช้ piecewise linear regression ซึ่งแก้ไขสำหรับความสัมพันธ์อัตโนมัติและฤดูกาล หากเป็นไปได้

ผลการวิจัย: 

เรารวบรวมการศึกษา 65 ฉบับ: RCTs 51 ฉบับ และการศึกษา ITS 14 ฉบับ มีผู้เข้าร่วม 110,875 คน ประมาณครึ่งหนึ่งของการทดลองทำให้เกิด 'ข้อกังวลบางประการ' สำหรับความเสี่ยงของการมีอคติในระหว่างกระบวนการสุ่มตัวอย่าง และหนึ่งในสามไม่มีการปกปิดการประเมินผลลัพธ์ การศึกษา ITS ส่วนใหญ่มีความเสี่ยงของการมีอคติต่ำ การศึกษาส่วนใหญ่มาจากประเทศที่มีรายได้สูงหรือมีทรัพยากรสูง การกระทบยอดยา - กระบวนการเปรียบเทียบคำสั่งยาของผู้ป่วยกับยาที่ผู้ป่วยใช้ - เป็นประเภทของวิธีการ (interventions) ที่พบบ่อยที่สุด ระบบสั่งจ่ายยาแบบอิเล็กทรอนิกส์ บาร์โค้ดสำหรับการบริหารยาที่ถูกต้อง การเปลี่ยนแปลงองค์กร ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับข้อผิดพลาดในการใช้ยา การให้การศึกษาแก่ผู้เชี่ยวชาญ และการปรับปรุงระบบการจ่ายยา เป็นการแทรกแซงอื่นๆ

กระบวนการเทียบประสานรายการยาร่วมกัน

หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำแสดงให้เห็นว่าการกระทบยอดยา (MR) เทียบกับ no-MR อาจลดข้อผิดพลาดของยาได้ (odds ratio [OR] 0.55, 95% Conciliationช่วง (CI) 0.17 ถึง 1.74; การศึกษา 3 ฉบับ; n=379 คน) เมื่อเทียบกับไม่มี MR พบว่า MR อาจลด ADEs (OR 0.38, 95%CI 0.18 ถึง 0.80; การศึกษา 3 ฉบับ, n=1336 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลาง) แต่มีผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีผลกับระยะเวลาการอยู่โรงพยาบาล (ความแตกต่างเฉลี่ย (MD) -0.30 วัน, 95%CI -1.93 ถึง 1.33 วัน; การศึกษา 3 ฉบับ, n=527 คน) และคุณภาพชีวิต (MD -1.51, 95%CI -10.04 ถึง 7.02; การศึกษา 1 ฉบับ, n=131 คน)

หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำชี้ให้เห็นว่าเมื่อเทียบกับ MR โดยผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ MR โดยเภสัชกรอาจลดข้อผิดพลาดในการใช้ยา (OR 0.21, 95%CI 0.09 ถึง 0.48; การศึกษา 8 ฉบับ, n=2648) และอาจเพิ่ม ADEs (OR 1.34, 95%CI 0.73 ถึง 2.44; การศึกษา 3 ฉบับ, n=2873) เมื่อเทียบกับ MR โดยผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ MR โดยเภสัชกรอาจมีผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีผลใดๆ ต่อระยะเวลาพำนัก (MD -0.25, 95%CI -1.05 ถึง 0.56; การศึกษา 6 ฉบับ, n = 3983) หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลางแสดงให้เห็นว่าวิธีการที่ใช้นี้อาจมีผลต่อการตายระหว่างการรักษาในโรงพยาบาลเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย (อัตราส่วนความเสี่ยง (RR) 0.99, 95%CI 0.57 ถึง 1.7; 2 การศึกษา, n=1000) และในการกลับเข้ารับการรักษาใน 1 เดือน (RR 0.93 , 95%CI 0.76 ถึง 1.14; การศึกษา 2 ฉบับ, n=997); และหลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำชี้ให้เห็นว่าวิธีการที่ใช้ (interventions) อาจมีผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยต่อคุณภาพชีวิต (MD 0.00, 95%CI -14.09 ถึง 14.09; การศึกษา 1 ฉบับ, n=724)

หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำชี้ให้เห็นว่า MR ที่ใช้ฐานข้อมูลที่ดำเนินการโดยเภสัชกร เทียบกับ MR ที่ไม่ได้รับความช่วยเหลือที่ดำเนินการโดยเภสัชกร อาจลด ADE ที่อาจเกิดขึ้นได้ (OR 0.26, 95% CI 0.10 ถึง 0.64; การศึกษา 2 ฉบับ, n=3326) และอาจไม่มีผลใดๆ ต่อระยะเวลาอยู่โรงพยาบาล (MD 1.00, 95%CI -0.17 ถึง 2.17; การศึกษา 1 ฉบับ, n=311)

หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำแสดงให้เห็นว่า MR ที่ดำเนินการโดยเภสัชกรที่ได้รับการฝึกอบรม กับเภสัชกร อาจมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยในระยะเวลาที่อยู่โรงพยาบาล (MD -0.30, 95%CI -2.12 ถึง 1.52; การศึกษา 1 ฉบับ, n=183) อย่างไรก็ตาม CI เข้ากันได้กับผลดีและผลเสียที่สำคัญ

หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำแสดงให้เห็นว่า MR ก่อนเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลอาจเพิ่มการระบุความคลาดเคลื่อนของยาเมื่อเปรียบเทียบกับ MR หลังการรับเข้า (MD 1.27, 95%CI 0.46 ถึง 2.08; การศึกษา 1 ฉบับ, n=307) อย่างไรก็ตาม CI เข้ากันได้กับผลดีและผลเสียที่สำคัญ

หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลางแสดงให้เห็นว่าการแทรกแซงหลายรูปแบบอาจเพิ่มการแก้ปัญหาความคลาดเคลื่อนเมื่อเทียบกับการดูแลตามปกติ (RR 2.14, 95%CI 1.81 ถึง 2.53; การศึกษา 1 ฉบับ, n=487)

การป้อนคำสั่งแพทย์ด้วยคอมพิวเตอร์ (CPOE)/ระบบสนับสนุนการตัดสินใจทางคลินิก (CDSS)

หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นปานกลางแสดงให้เห็นว่า CPOE/CDSS อาจลดข้อผิดพลาดในการใช้ยาเมื่อเทียบกับระบบที่ใช้กระดาษ (OR 0.74, 95%CI 0.31 ถึง 1.79; การศึกษา 2 ฉบับ, n=88)

หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นปานกลางแสดงให้เห็นว่า CPOE/CDSS ที่ปรับปรุงแล้วเมื่อเทียบกับ CPOE/CDSS มาตรฐาน อาจลดข้อผิดพลาดในการใช้ยาได้ (OR 0.85, 95%CI 0.74 ถึง 0.97; การศึกษา 2 ฉบับ, n=630)

หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำแสดงให้เห็นว่าการแจ้งเตือนตามลำดับความสำคัญโดย CPOE/CDSS อาจป้องกัน ADE ได้ เมื่อเทียบกับการแจ้งเตือนที่ไม่มีการลำดับความสำคัญ (MD 1.98, 95%CI 1.65 ถึง 2.31; การศึกษา 1 ฉบับ ไม่ได้บอกจำนวนผู้เข้าร่วม)

การระบุบาร์โค้ดของผู้เข้าร่วม/ยา

หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำชี้ให้เห็นว่าบาร์โค้ดอาจลดข้อผิดพลาดในการใช้ยาได้ (OR 0.69, 95%CI 0.59 ถึง 0.79; การศึกษา 2 ฉบับ, n=50,545)

การลดชั่วโมงการทำงาน

หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำแสดงให้เห็นว่าชั่วโมงการทำงานที่ลดลงอาจลดข้อผิดพลาดด้านยาร้ายแรง (RR 0.83, 95%CI 0.63 ถึง 1.09; การศึกษา 1 ฉบับ, n=634) อย่างไรก็ตาม CI เข้ากันได้กับผลดีและผลเสียที่สำคัญ

คำติชมสะท้อนกลับเกี่ยวกับการสั่งยาผิดพลาด

หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำชี้ให้เห็นว่าข้อเสนอแนะเกี่ยวกับข้อผิดพลาดในการสั่งยาอาจลดข้อผิดพลาดในการใช้ยา (OR 0.47, 95%CI 0.33 ถึง 0.67; การศึกษา 4 ฉบับ, n=384)

ระบบการจ่ายยา

หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำชี้ให้เห็นว่าระบบการจ่ายยาในหอผู้ป่วยศัลยกรรมอาจลดข้อผิดพลาดในการใช้ยา (OR 0.61, 95%CI 0.47 ถึง 0.79; การศึกษา 2 ฉบับ, n=1775)

บันทึกการแปล: 

แปลโดย พญ.วิลาสินี หน่อแก้ว Edit โดย ผกากรอง 7 ธันวาคม 2022

Tools
Information