ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

แว่นตา คอนแทคเลนส์ หรือการผ่าตัดตาเพื่อป้องกันและรักษาอาการตาในผู้ใช้คอมพิวเตอร์

วัตถุประสงค์ของการทบทวนวรรณกรรมนี้คืออะไร

ผู้ใช้คอมพิวเตอร์มักจะบ่นปัญหาเกี่ยวกับตาหรือปวดศีรษะ แว่นตา คอนแทคเลนส์ หรือการผ่าตัดตาอาจช่วยลดหรือป้องกันอาการเหล่านี้ เราตรวจสอบผลของวิธีการเหล่านี้ต่ออาการทางตาและคุณภาพชีวิต

ใจความสำคัญ

แว่นตาคอมพิวเตอร์ที่มีเลนส์เฉพาะไม่แตกต่างจากแว่นตาคอมพิวเตอร์ประเภทอื่นในแง่ของอาการทางตา แว่นตาคอมพิวเตอร์อาจทำให้อาการตาดีกว่าแว่นตาที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในชีวิตประจำวันในระยะสั้น แต่ไม่ใช่ในการติดตามที่ 6 เดือนและไม่มีหลักฐานการติดตามระยะยาว อย่างไรก็ตามเนื่องจากคุณภาพของหลักฐานต่ำมากทำให้เราไม่มั่นใจในข้อสรุปนี้ ไม่มีการศึกษาเกี่ยวกับคอนแทคเลนส์หรือการผ่าตัดตาเพื่อลดอาการตาของผู้ใช้คอมพิวเตอร์ จำเป็นต้องมีการศึกษาแบบสุ่ม ที่มีผู้เข้าร่วมหลายร้อยคนซึ่งสามารถวัดอาการได้ดีขึ้น ในการติดตามที่ 1 ปี

ในการทบทวนวรรณกรรมนี้สิ่งที่ศึกษาคืออะไร

เราพบการศึกษา 8 เรื่อง ผู้เข้าร่วม 381 คน การศึกษาทั้งหมดประเมินแว่นตา เราไม่พบการศึกษาที่ประเมินคอนแทคเลนส์หรือการผ่าตัด การศึกษา 2 เรื่อง ประเมินแว่นตาคอมพิวเตอร์แบบ progressive ซึ่งโฟกัสจะค่อย ๆ เปลี่ยนจากบริเวณใกล้เคียงเป็นระยะห่างของหน้าจอคอมพิวเตอร์ แต่ไม่มีการรายงานข้อมูลใดๆ การศึกษา 2 เรื่อง ได้ตรวจสอบแว่นตาคอมพิวเตอร์แบบก้าวหน้าซึ่งการโฟกัสนั้นขยายออกไปอีกสองสามเมตรจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ การศึกษา 5 เรื่อง ประเมินแว่นตาคอมพิวเตอร์แบบ progressive ซึ่งค่อยๆ เปลี่ยนโฟกัสไปเป็นระยะทางไกล การศึกษา 1 เรื่องตรวจสอบว่าแว่นตาที่ผู้เข้าร่วมมีอยู่นั้นสามารถปรับปรุงได้หรือไม่และจะส่งผลต่อการมองเห็นด้วยคอมพิวเตอร์หรือไม่ แต่การศึกษาไม่ได้ให้ข้อมูล เราตัดสินความเสี่ยงของอคติว่าไม่ชัดเจนในการศึกษา 4 เรื่อง สูงใน 2 เรื่อง และต่ำในการศึกษาอีก 1 เรื่อง

ผลลัพธ์หลักของการทบทวนวรรณกรรมคืออะไร

แว่นตาคอมพิวเตอร์แบบ progressive เมื่อเปรียบเทียบกับแว่นตาคอมพิวเตอร์ประเภทอื่น
การศึกษา 1 เรื่องพบว่าไม่มีความแตกต่างในอาการตาหลังจากหนึ่งปี ระหว่างแว่นตาคอมพิวเตอร์แบบ progressive และแว่นตาคอมพิวเตอร์ที่มีเพียงหนึ่งโฟกัส

แว่นตาคอมพิวเตอร์แบบ progressive รวมถึงการโฟกัสระยะกลางที่ส่วนบนของแว่นตาเมื่อเทียบกับแว่นตาประเภทอื่น
การศึกษา 2 เรื่อง พบว่ามีความแตกต่างในอาการทางตาระหว่างแว่นตาคอมพิวเตอร์แบบ progressive ซึ่งรวมถึงการโฟกัสระยะกลางและแว่นตาแบบ progressive สำหรับการใช้งานทุกวันเมื่อมีการใช้แว่นตาเป็นระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ถึงหนึ่งเดือน ไม่มีความแตกต่างของอาการวิงเวียนศีรษะระหว่างแว่นสองชนิด การศึกษา 1 เรื่องพบว่าไม่มีความแตกต่างในอาการตาหลังจากหนึ่งปี ระหว่างแว่นตาคอมพิวเตอร์แบบ progressive และแว่นตาคอมพิวเตอร์ที่มีเพียงหนึ่งโฟกัส

แว่นตาคอมพิวเตอร์แบบ progressive รวมถึงการโฟกัสระยะกลางที่ส่วนบนของแว่นตาเมื่อเทียบกับแว่นตาประเภทอื่น
การศึกษาที่แตกต่างกัน 2 เรื่องกันพบว่าไม่มีอาการตาที่แตกต่างกันหลังจากหนึ่งเดือนระหว่างแว่นตาคอมพิวเตอร์รวมถึงโฟกัสที่อยู่ห่างไกลและแว่นตาคอมพิวเตอร์ bifocal หรือ trifocal การศึกษาอีก 1 เรื่อง พบว่าหลังจากหนึ่งปี แว่นตาที่มีโฟกัสเพียงจุดเดียวก็ดีพอ ๆ กับแว่นตาคอมพิวเตอร์ การศึกษา 1 เรื่อง เปรียบเทียบแว่นตาคอมพิวเตอร์แบบ progressive ในการประเมินเทียบกับ แว่นตาคอมพิวเตอร์ของสถานีงานและของผู้เข้าร่วมเองพบว่าคะแนนอาการสายตาเพลียดีขึ้น 40%

ความเป็นปัจจุบันของการทบทวนวรรณกรรมนี้เป็นอย่างไร

ผู้ทบทวนสืบค้นการศึกษาที่ได้รับการตีพิมพ์จนถึง 20 ธันวาคม 2017

บทนำ

ผู้ใช้คอมพิวเตอร์มักจะบ่นปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็นและการทำงานของดวงตา สายตาเพลียเป็นคำที่ใช้โดยทั่วไปในการอธิบายอาการที่เกี่ยวข้องกับการใช้ตา (เป็นเวลานาน) เช่นความล้าตา, ปวดศีรษะ ปวดหรือปวดตารอบดวงตาและอาการร้อนและอาการคันของเปลือกตา ความชุกของภาวะสายตาเพลียในระหว่างหรือหลังเลิกงานกับคอมพิวเตอร์มีตั้งแต่ 46.3% ถึง 68.5% ภาวะกำลังหักเหแสงของตาผิดปกติที่ไม่ได้แก้ไขหรือแก้ไขไม่เพียงพออาจนำไปสู่การพัฒนาของภาวะสายตาเพลียได้ ภาวะกำลังหักเหแสงของตาผิดปกติเป็นข้อผิดพลาดในการโฟกัสแสงด้วยตาและสามารถนำไปสู่การลดความชัดการมองเห็น มีความเป็นไปได้หลากหลายสำหรับการแก้ไขภาวะกำลังหักเหแสงของตาผิดปกต ได้แก่ แว่นตา คอนแทคเลนส์และการผ่าตัดแก้ไขสายตาผิดปกติ

วัตถุประสงค์

เพื่อตรวจสอบหลักฐานเกี่ยวกับประสิทธิผล ความปลอดภัยและการนำไปใช้ ของการแก้ไขภาวะกำลังหักเหแสงของตาผิดปกติเพื่อลดและป้องกันอาการตาในผู้ใช้คอมพิวเตอร์

วิธีการสืบค้น

เราสืบค้น Cochrane Central Register ของ Controlled Trials (CENTRAL); PubMed; Embase; Web of Science; and OSH update ทั้งหมดจนถึง 20 ธันวาคม 2017 นอกจากนี้เราสืบค้น Trial registries และตรวจสอบการอ้างอิงของการศึกษาที่รวมนำเข้า

เกณฑ์การคัดเลือก

เรารวมการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มเปรียบเทียบ (RCTs) และการทดลองแบบกึ่งสุ่มของการประเมินการแก้ไขสายตาสำหรับพนักงานคอมพิวเตอร์ที่มีข้อผิดพลาดการหักเหของแสงสำหรับการป้องกันหรือรักษาอาการสายตาล้าและผลต่อคุณภาพชีวิตที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล

ผู้ประพันธ์ 2 คนประเมินการศึกษาที่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือก ประเมินความเสี่ยงของการเกิดอคติและดึงข้อมูลอย่างอิสระต่อกัน ในกรณีที่เหมาะสมเรารวมการศึกษาในการทำ meta-analysis

ผลการวิจัย

เรานำเข้าการศึกษา 8 เรื่อง ผู้เข้าร่วม 381 คน มี parallel RCTs 3 เรื่อง cross over RCTs 3 เรื่อง และอีก 2 เรื่อง เป็น quasi-randomised cross-over trials การศึกษาทั้งหมดประเมินแว่นตา ไม่มีการศึกษาที่ประเมินคอนแทคเลนส์หรือการผ่าตัด การศึกษา 7 เรื่องได้ประเมินแว่นตาคอมพิวเตอร์ที่มีจุดโฟกัสอย่างน้อยหนึ่งจุดสำหรับระยะห่างของหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่มีหรือไม่มีบริเวณโฟกัสเพิ่มเติมในคนที่มีสายตายาว การศึกษา 6 เรื่องเปรียบเทียบแว่นตาคอมพิวเตอร์กับแว่นตาประเภทอื่น และการศึกษา 1 เรื่องเปรียบเทียบกับการประเมินสถานที่ทำงานตามหลักสรีรศาสตร์ การศึกษาเรื่องที่ 8 เปรียบเทียบการแก้ไขข้อผิดพลาดการหักเหแสงที่เหมาะสมกับการแก้ไขแว่นตาที่ใช้งานจริง การศึกษา 2 เรื่องประเมินแว่นตาคอมพิวเตอร์ในคนที่มีภาวะสายตาสั้น แต่สำหรับคนอื่นๆ แว่นตานั้นถูกเสนอให้กับคนงานทุกคนโดยไม่คำนึงถึงอาการ ความเสี่ยงของอคตินั้นไม่ชัดเจนในการศึกษา 5 เรื่อง สูงในการศึกษา 2 เรื่อง และต่ำในการศึกษา 1 เรื่อง อาการสายตาล้า ถูกวัดเป็นอาการเพลียตาหรือคะแนนสรุปอาการ แต่ไม่มีการศึกษาคุณภาพชีวิตที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ถูกวัดเป็น การปวดศีรษะ คลื่นไส้หรือเวียนศีรษะ คะแนน asthenopia เริ่มต้น มีค่ามัธยฐานที่ประมาณ 30% ของคะแนนสูงสุดที่เป็นไปได้

แว่นตาคอมพิวเตอร์แบบ progressive เปรียบเทียบกับแว่นตาแบบ monofocal
การศึกษา 1 เรื่องพบว่าไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในภาวะสายตาล้าระหว่างแว่นตาคอมพิวเตอร์ progressive แบบต่างๆ และแว่นตาคอมพิวเตอร์แบบ monofocal หลังจากการติดตาม 1 ปี (ค่าเฉลี่ยความแตกต่าง (MD) ของคะแนนที่เปลี่ยน 0.23, 95% ช่วงความเชื่อมั่น (CI) -5.0 ถึง 5.4 ตามสเกล VAS 100 mm หลักฐานคุณภาพต่ำ) สำหรับอาการปวดศีรษะ ผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นในแนวว่า แว่นตาแบบ progressive ดีกว่า

แว่นตาคอมพิวเตอร์แบบ progessive ที่มีโฟกัสอยู่ตรงกลางของส่วนบนของแว่นตาเปรียบเทียบกับแว่นตาอื่นๆ
จากการศึกษา 2 เรื่อง แว่นตาคอมพิวเตอร์แบบ progressive ที่มีการโฟกัสระดับกลาง ทำให้ อาการสายตาล้าลดลงเล็กน้อย (SMD 0.49, 95% CI −0.75 ถึง −0.23, หลักฐานคุณภาพต่ำ) แต่ไม่มีผลต่อคะแนนอาการปวดศีรษะในระยะสั้นเมื่อเทียบกับแว่นตาที่มีวัตถุประสงค์ทั่วไป มีอาการวิงเวียนศีรษะลดลงเล็กน้อยที่คล้ายกัน ในการติดตามผลระยะกลาง ในการศึกษา 1 เรื่อง ขนาดของผลลัพธ์ไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ (SMD 0.64, 95% CI −1.40 ถึง 0.12) การศึกษาไม่ได้ประเมินเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์

การศึกษา 1 เรื่องพบว่าไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในภาวะสายตาล้าระหว่างแว่นตาคอมพิวเตอร์ progressive และแว่นตาคอมพิวเตอร์แบบ monofocal หลังจากการติดตาม 1 ปี (ค่าเฉลี่ยความแตกต่าง (MD) ของคะแนนที่เปลี่ยน 1.44, 95% (CI) -6.95 ถึง 9.83 ตามสเกล VAS 100 mm หลักฐานคุณภาพต่ำมาก) สำหรับอาการปวดศีรษะผลลัพธ์ไม่สอดคล้องกัน

แว่นตาคอมพิวเตอร์แบบ progessive ที่มีโฟกัสอยู่ตรงกลางของส่วนบนของแว่นตาเปรียบเทียบกับแว่นตาอื่นๆ
การศึกษา 1 เรื่อง พบว่าจำนวนผู้ที่มีภาวะสายล้า ระหว่างแว่นตาคอมพิวเตอร์แบบ progressive ที่มีการโฟกัสระยะไกลและแว่นตาคอมพิวเตอร์ bifocal ไม่แตกต่างกันมากหลังจากการติดตามผลที่ 4 สัปดาห์ (OR 1.00, 95% CI 0.40 ถึง 2.50, หลักฐานคุณภาพต่ำมาก) จำนวนคนที่มีอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้และเวียนศีรษะก็ไม่แตกต่างกันระหว่างกลุ่ม

การศึกษา 1 เรื่องพบว่าไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในภาวะสายตาล้าระหว่างแว่นตาคอมพิวเตอร์ progressive ที่มี การ focus ระยะไกล กับแว่นตาคอมพิวเตอร์แบบ monofocal หลังจากการติดตาม 1 ปี (ค่าเฉลี่ยความแตกต่าง (MD) ของคะแนนที่เปลี่ยน -1.79, 95% (CI) -11.60 ถึง 8.02 ตามสเกล VAS 100 mm หลักฐานคุณภาพต่ำมาก) ผลต่ออาการปวดศีรษะไม่สอดคล้องกัน

การศึกษา 1 เรื่องพบว่าไม่มีความแตกต่างระหว่างแว่นตาคอมพิวเตอร์แบบ progressive โฟกัสระยะไกลและแว่นตา trifocal ที่มีผลต่อความรุนแรงของอาการปวดตา (MD -0.50, 95% CI −1.07 ถึง 0.07, หลักฐานคุณภาพต่ำมาก) หรือความถี่ของอาการปวดตา (MD −0.75, 95% CI −1.61 ถึง 0.11 หลักฐานคุณภาพต่ำมาก)

แว่นตาคอมพิวเตอร์แบบ progressive กับการประเมินตามหลักสรีรศาสตร์ด้วยแว่นตา (คอมพิวเตอร์) เป็นประจำ
การศึกษา 1 เรื่องพบว่าแว่นตาคอมพิวเตอร์ที่ปรับให้เหมาะกับความต้องการของแต่ละบุคคลลดคะแนนผลรวม asthenopia มากกว่าการประเมินตามหลักสรีรศาสตร์และแว่นตา (คอมพิวเตอร์) เป็นนิสัย (MD −8.9, 95% CI −16.47 ถึง −1.33, สเกล 0 ถึง 140, หลักฐานคุณภาพต่ำมาก) แต่ไม่มีผลต่อความถี่ของอาการปวดตา (OR 1.08, 95% CI 0.38 ถึง 3.11, หลักฐานคุณภาพต่ำมาก)

เราประเมินคุณภาพของหลักฐานว่าต่ำหรือต่ำมากเนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการมีอคติของการศึกษาที่รวมอยู่ ความไม่สอดคล้องกันในผลลัพธ์และความไม่แน่นอน

ข้อสรุปของผู้วิจัย

มีหลักฐานคุณภาพต่ำถึงต่ำมากว่าการให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ใช้แว่นตาคอมพิวเตอร์แบบ progressive ไม่ได้นำไปสู่การลดลงของปัญหาเกี่ยวกับดวงตาหรืออาการปวดศีรษะเมื่อเปรียบเทียบกับแว่นตาคอมพิวเตอร์อื่น ๆ แว่นตาคอมพิวเตอร์แบบ progressive อาจจะดีกว่าแว่นตาแบบ progressive เล็กน้อยสำหรับใช้ประจำวันในระยะสั้น แต่ไม่ใช่ในระยะกลางและไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการติดตามระยะยาว อย่างไรก็ตามเนื่องจากคุณภาพของหลักฐานต่ำหรือต่ำมากทำให้เราไม่มั่นใจในข้อสรุปนี้ จำเป็นต้องมีการศึกษาขนาดใหญ่ที่มีผู้เข้าร่วมหลายร้อยคนด้วยการสุ่มอย่างเหมาะสม วิธีการวัดผลลัพธ์ที่ได้รับการตรวจสอบความถูกต้องและการติดตามผลอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งปีเพื่อปรับปรุงคุณภาพของหลักฐาน

บันทึกการแปล

แปลโดย ศ.นพ.ภิเศก ลุมพิกานนท์ ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เมื่อ วันที่ 21 กรกฎาคม 2020

Citation
Heus P, Verbeek JH, Tikka C. Optical correction of refractive error for preventing and treating eye symptoms in computer users. Cochrane Database of Systematic Reviews 2018, Issue 4. Art. No.: CD009877. DOI: 10.1002/14651858.CD009877.pub2.