ควรใช้ macrolides สำหรับโรคหอบหืดเรื้อรังหรือไม่?

ประเด็นหลัก: หลักฐานที่มีอยู่ชี้ให้เห็นประโยชน์ของ macrolides เมื่อเทียบกับยาหลอกในการลดที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลและการกำเริบรุนแรง (กำหนดว่าเป็นการกำเริบที่ต้องเข้ารับการรักษาด้วย systemic steroids ในแผนกฉุกเฉิน) ผลของ macrolides ต่อผลลัพธ์ทางคลินิกอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ระดับอาการและการทำงานของปอดยังไม่ชัดเจน

ความเป็นมา

หอบหืดเป็นโรคเรื้อรังที่การอักเสบของทางเดินหายใจทำให้เกิดอาการไอ หายใจมีเสียงหวีด และมีปัญหาในการหายใจ อาจมีเหตุผลที่แตกต่างกันสำหรับการอักเสบนี้และสาเหตุที่ยังคงมีอยู่ และอาจต้องได้รับการรักษาที่แตกต่างกัน การติดเชื้อในปอดอาจเป็นสาเหตุหนึ่ง และ macrolides เป็นยาปฏิชีวนะชนิดหนึ่งที่อาจใช้ในระยะยาวเพื่อปรับปรุงอาการของคนเหล่านี้

เราตอบคำถามนี้อย่างไร

เราศึกษาการศึกษาในผู้ใหญ่หรือเด็กที่เป็นโรคหอบหืดที่ได้รับยา macrolides หรือยาหลอก (แกล้งทำเป็นรักษา) เป็นเวลาอย่างน้อยสี่สัปดาห์เพื่อดูว่าอาการดีขึ้นหรือไม่ และทำให้พวกเขามีโอกาสเป็นโรคหอบหืดน้อยลง ซึ่งมักเรียกว่า 'อาการกำเริบ' เราดำเนินการค้นหาการศึกษาล่าสุดในเดือนมีนาคม 2021 หลังจากพบการศึกษาที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เราได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับโรคหอบหืดที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล โรคหอบหืดที่ต้องรักษาด้วยยาสเตียรอยด์ ระดับอาการ การควบคุมโรคหอบหืด คุณภาพชีวิต การวัดการทำงานของปอดหลายอย่าง ความจำเป็นในการใช้ยาพ่นช่วย ผลข้างเคียงที่ร้ายแรงและการวัดการทำงานของโรคหอบหืดในเลือดและเสมหะ (เมือก)

สิ่งที่เราพบ

เราพบ 25 การศึกษา รวมถึง 2 การศึกษาใหม่ ที่ได้รับการตีพิมพ์ตั้งแต่การค้นหาครั้งล่าสุดในปี 2015 โดยรวมแล้ว เกือบ 2,000 คนได้รับยา macrolides หรือยาหลอก มีปัญหามากมายเกี่ยวกับวิธีการอธิบายการศึกษาและรายงานข้อมูลได้ดีเพียงใด ซึ่งทำให้เราพิจารณาว่าหลักฐานโดยรวมมีคุณภาพต่ำ ซึ่งบั่นทอนความเชื่อมั่นของเราในผลลัพธ์ส่วนใหญ่ การศึกษามีความแตกต่างกันค่อนข้างมาก เช่น ความรุนแรงของโรคหอบหืด ชนิดของ macrolide ที่ได้รับ และระยะเวลาในการรักษา

การทบทวนวรรณกรรมของเราพบว่ายากลุ่ม macrolides ดีกว่ายาหลอกในการลดอาการกำเริบและอาจมีประโยชน์สำหรับบางคนในการปรับปรุงอาการของโรคหอบหืด การควบคุมโรคหอบหืด คุณภาพชีวิตของโรคหอบหืด และการวัดการทำงานของปอดบางส่วน แต่ประโยชน์มากเพียงใดและสำหรับใครยังไม่แน่นอน จาก 1 การศึกษาที่ดำเนินการอย่างดี macrolide azithromycin อาจมีประโยชน์บางอย่างสำหรับผู้ที่เป็นโรคหอบหืดอย่างรุนแรง แต่ผลรวมของการทบทวนวรรณกรรมนี้ไม่สนับสนุนการใช้ macrolides สำหรับโรคหอบหืดทุกระดับหรือทุกความรุนแรง ไม่มีรายงานผลข้างเคียงที่ร้ายแรงของ macrolide แต่ 16 การศึกษา ไม่ได้รายงานว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นหรือไม่

ข้อสรุปของผู้วิจัย: 

หลักฐานที่มีอยู่ชี้ให้เห็นถึงผลของ macrolides เมื่อเทียบกับยาหลอกต่ออัตราการกำเริบที่ต้องรักษาในโรงพยาบาล Macrolides อาจลดอาการกำเริบรุนแรง (ต้องเข้ารับการตรวจ ED และ/หรือการรักษาด้วย systemic steroids) และอาจบรรเทาอาการได้ อย่างไรก็ตาม เราไม่สามารถแยกแยะความเป็นไปได้ของประโยชน์หรืออันตรายอื่น ๆ เนื่องจากหลักฐานมีคุณภาพต่ำมากเนื่องจากความแตกต่างระหว่างผู้ป่วยและการรักษา ความไม่แม่นยำ และอคติในการรายงาน ผลลัพธ์ส่วนใหญ่ได้รับแรงหนุนจาก RCT ที่ได้รับการออกแบบมาอย่างดีและมีขนาดเพียงพอ ซึ่งบ่งชี้ว่า azithromycin อาจลดอัตราการกำเริบและปรับปรุงคะแนนอาการในโรคหอบหืดอย่างรุนแรง

การทบทวนวรรณกรรมนี้เน้นให้เห็นถึงความจำเป็นที่นักวิจัยต้องรายงานผลลัพธ์อย่างถูกต้องและเป็นไปตามคำจำกัดความมาตรฐาน Macrolides สามารถลดอาการกำเริบในผู้ที่เป็นโรคหอบหืดรุนแรงได้ การทดลองในอนาคตน่าจะประเมินว่าผลที่พบนี้ยังคงอยู่ในลักษณะที่แสดงออกของโรคหอบหืดรุนแรงทั้งหมดหรือไม่ เปรียบเทียบกับยาทางชีววิทยาที่ใหม่กว่า ผลจะคงอยู่หรือลดลงหลังจากหยุดการรักษาหรือไม่ และผลนี้เกี่ยวข้องกับตัวบ่งชี้ทางชีวภาพของการติดเชื้อหรือไม่

อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
บทนำ: 

หอบหืดเป็นโรคเรื้อรังที่การอักเสบของทางเดินหายใจทำให้เกิดอาการหายใจมีเสียงวี๊ด ไอ และหายใจลำบาก Macrolides เป็นยาปฏิชีวนะที่มีฤทธิ์ต้านจุลชีพและต้านการอักเสบที่ได้รับการตรวจสอบเพื่อควบคุมอาการหอบหืดในระยะยาว

วัตถุประสงค์: 

เพื่อประเมินผลของ macrolides เทียบกับยาหลอกสำหรับการจัดการโรคหอบหืดเรื้อรัง

วิธีการสืบค้น: 

เราค้นหา Cochrane Airways Group Specialized Register จนถึงเดือนมีนาคม 2021 เรายังค้นหาบรรณานุกรมของการทบทวนวรรณกรรมที่ตีพิมพ์ก่อนหน้านี้และรายงานการประชุม และติดต่อผู้นิพนธ์การศึกษาวิจัย เรารวมรายงานที่ตีพิมพ์ในภาษาใดก็ได้ในการค้นหา

เกณฑ์การคัดเลือก: 

เรารวมการทดลองทางคลินิกแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุม (RCTs) ที่เกี่ยวข้องกับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่เป็นโรคหอบหืดที่รักษาด้วยยา macrolides เทียบกับยาหลอกเป็นเวลาสี่สัปดาห์หรือมากกว่า ผลลัพธ์หลัก ได้แก่ อาการกำเริบที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล อาการกำเริบรุนแรง (อาการกำเริบที่ต้องเข้ารับการตรวจแผนกฉุกเฉิน (ED) หรือ systemic steroids หรือทั้งสองอย่าง) ระดับอาการ แบบสอบถามการควบคุมโรคหอบหืด (ACQ คะแนนจาก 0 ควบคุมโดยสิ้นเชิง ถึง 6 คะแนน การควบคุมไม่ได้อย่างรุนแรง) แบบสอบถามคุณภาพชีวิตของโรคหอบหืด (AQLQ โดยมีคะแนนตั้งแต่ 1 ถึง 7 ด้วยคะแนนที่สูงกว่าซึ่งบ่งชี้ถึง QoL ที่ดีขึ้น) การให้ยาช่วยต่อวัน ปริมาณการหายใจออกสูงสุดในช่วงเช้าและเย็น (PEF; ลิตรต่อนาที) ปริมาณการหายใจออกในหนึ่งวินาที (FEV 1 ; ลิตร ) การตอบสนองมากเกินไปของหลอดลม และขนาดยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ที่กิน ผลลัพธ์รองคือเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ (รวมถึงการตาย) การถอนตัว eosinophils ในเลือด eosinophils ในเสมหะ eosinophil cationic protein (ECP) ในซีรัม และ ECP ในเสมหะ

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล: 

ผู้ทบทวนวรรณกรรมสองคนตรวจสอบรายงานทั้งหมดที่พบจากการค้นหา อย่างอิสระ จากนั้นจึงตรวจสอบบทความฉบับเต็มที่อาจเกี่ยวข้องทั้งหมดก่อนที่จะคัดลอกข้อมูลแบบ duplicate จากการศึกษาที่รวมไว้ทั้งหมด ตามโปรโตคอล เราใช้ fixed-effect model เราทำ sensitivity analysis สำหรับการวิเคราะห์ที่มีความต่างกันสูง (I 2 มากกว่า 30%) ใช้วีธี GRADE เพื่อประเมินความเชื่อมั่นของหลักฐาน

ผลการวิจัย: 

25 การศึกษาตรงตามเกณฑ์การคัดเลือก โดยสุ่มผู้เข้าร่วม 1973 คนเพื่อรับยา macrolide หรือยาหลอกเป็นเวลาอย่างน้อยสี่สัปดาห์ การศึกษาที่รวบรวมมาส่วนใหญ่รายงานข้อมูลจากผู้ใหญ่ (อายุเฉลี่ย 21 ถึง 61 ปี) ที่เป็นโรคหอบหืดเรื้อรังหรือรุนแรง ในขณะที่ 4 การศึกษารวมเด็ก ผู้เข้าร่วมทั้งหมดได้รับคัดเลือกในบริบทผู้ป่วยนอก เกณฑ์การคัดเลือก การรักษา และผลลัพธ์มีความแตกต่างกันมาก

หลักฐานบ่งชี้ว่ายา macrolide อาจลดการกำเริบที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลได้ในขนาดปานกลาง เมื่อเปรียบเทียบกับยาหลอก (odds ratio (OR) 0.47, 95% confidence interval (CI) 0.20 ถึง 1.12; การศึกษา = 2, ผู้เข้าร่วม = 529; หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลาง) Macrolides อาจลดอาการกำเริบที่ต้องเข้ารับการตรวจที่ ED และ/หรือการรักษาด้วย systemic steroids (rate ratio (RaR) 0.65, 95% CI 0.53 ถึง 0.80; การศึกษา = 4 ผู้เข้าร่วม = 640; หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลาง) Macrolides อาจลดอาการ (ตามที่วัดตามระดับอาการ) (ค่าความแตกต่างของค่าเฉลี่ยมาตรฐาน (SMD) −0.46, 95% CI −0.81 ถึง −0.11; การศึกษา = 4 ผู้เข้าร่วม = 136 หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก) Macrolides อาจส่งผลให้ ACQ ดีขึ้นเล็กน้อย (SMD −0.17, 95% CI −0.31 ถึง −0.03; การศึกษา = 5 ผู้เข้าร่วม = 773; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) Macrolides อาจมีผลต่อ AQLQ เพียงเล็กน้อยหรือไม่มี (ความแตกต่างเฉลี่ย (MD) 0.24, 95% CI 0.12 ถึง 0.35; การศึกษา = 6 ผู้เข้าร่วม = 802; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก) สำหรับทั้ง ACQ และ AQLQ ผลของ macrolides เทียบกับยาหลอกนั้นมีไม่ถึงความแตกต่างที่สำคัญทางคลินิกเพียงเล็กน้อย (MCID, 0.5 สำหรับ ACQ และ AQLQ) (ACQ: หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ; AQLQ: หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก) เนื่องจากมีความแตกต่างกันสูง (I 2 > 30%) เราจึงทำ sensitivity analyses กับผลลัพธ์ข้างต้น ซึ่งลดขนาดของผลโดยลดน้ำหนักของการศึกษาขนาดใหญ่และมีคุณภาพสูง

Macrolides อาจส่งผลเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับยาหลอกในการลดความจำเป็นในการใช้ยาช่วย (MD −0.43 พัฟ/วัน, 95% CI −0.81 ถึง −0.04; การศึกษา = 4, ผู้เข้าร่วม = 314; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) Macrolides อาจเพิ่ม FEV 1 แต่ผลที่ได้เกือบจะต่ำกว่าระดับที่ผู้ป่วยมองเห็นได้ (MD 0.04 L, 95% CI 0 ถึง 0.08; การศึกษา = 10, ผู้เข้าร่วม = 1046; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) เป็นไปไม่ได้ที่จะรวมผลลัพธ์สำหรับ non-specific bronchial hyperresponsiveness หรือ lowest tolerated oral corticosteroid dose (ในคนที่ต้องกินคอร์ติโคสเตียรอยด์ตอนที่เข้าโครงการ) ไม่มีหลักฐานของความแตกต่างในเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่รุนแรง (รวมถึงการตาย) แม้ว่าการศึกษาน้อยกว่าครึ่งรายงานผลลัพธ์ (OR 0.80, 95% CI 0.49 ถึง 1.31; การศึกษา = 8, ผู้เข้าร่วม = 854; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) . การรายงานผลข้างเคียงที่เฉพาะเจาะจงไม่สอดคล้องกันเกินไปสำหรับการวิเคราะห์ที่มีความหมาย

บันทึกการแปล: 

แปลโดย ศ.นพ.ภิเศก ลุมพิกานนท์ ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 13 มกราคม 2022

Tools
Information