ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ท่าคลอดสำหรับผู้คลอดที่ไม่ได้รับยาระงับความรู้สึกทางสันหลัง

ประเด็นปัญหาคืออะไร?

สตรีมักจะคลอดในท่ายกศรีษะสูง เช่น ท่าชันเข่า ท่ายืน หรือท่านั่งยอง สตรีบางคนคลอดในท่านอนหงาย (นอนหงายหลังราบกับพื้น) ท่านอนตะแคง หรือท่านอนหงายศรีษะสูง 45 องศา หรือท่าขึ้นขาหยั่ง (lithotomy) การเลือกท่าคลอดขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ขึ้นอยู่กับผู้คลอด ผู้ดูแล หรือการมีหัตถการทางการแพทย์ Cochrane ได้ประเมินประโยชน์และความเสี่ยงให้ผู้คลอดและทารก โดยเปรียบเทียบระหว่างการคลอดศรีษะสูงกับท่านอนหงาย

ทำไมเรื่องนี้จึงมีความสำคัญ

ท่านอนหงายคลอด เป็นท่าที่หมอตำแยและสูติแพทย์สามารถช่วยคลอดได้สะดวก อย่างไรก็ตาม สตรีหลายคนรายงานว่ารู้สึกเจ็บปวด คลอดยาก และอึดอัดในการคลอดท่านอนหงาย จึงมีการแนะนำท่าคลอดศรีษะสูงว่าจะช่วยให้คลอดง่ายขึ้น เนื่องจากกระดูกเชิงกรานมีการขยาย ทารกเคลื่อนตัวลงตามแรงโน้มถ่วง และทารกอาจได้รับประโยชน์จากการที่มดลูกของแม่ไม่กดลงบนหลอดเลือดใหญ่ที่ให้ออกซิเจนและโภชนาการแก่ทารก

ท่าศรีษะสูง เช่น : นั่ง (บนเก้าอี้สูติกรรมหรือเก้าอื้สำหรับอุจจาระ); ท่าคุกเข่า (ทั้งแบบท่าคลานหรือคุกเข่าแล้วยืดตัวขึ้น) และนั่งยอง (อาจใช้เบาะรองหรือมีราวพยุงขณะนั่งยอง) เราเปรียบเทียบเหล่านี้กับท่านอนหงาย เช่น: นอนหงายราบ ท่านอนตะแคง ท่านอนศรีษะสูงประมาณ 45 องศา และท่า lithotomy วัตถุประสงค์ของการศึกษาเพื่อประเมินประสิทธิภาพ ประโยชน์ และเป็นไปได้ของท่าคลอดในระยะเบ่งคลอดสำหรับผู้คลอดที่ไม่ได้รับยาระงับความรู้สึกทางสันหลัง

เราพบข้อมูลเชิงประจักษ์อะไรบ้าง

เราได้ทบทวนข้อมูลเชิงประจักษ์ถึงวันที่ 30 กรกฎาคม 2016 โดยทบทวนถึงข้อมูลจากการทดลองแบบสุ่ม (randomised controlled trials ) 30 การศึกษา มีตัวอย่างเป็นสตรีตั้งครรภ์ที่คลอดโดยไม่ได้รับยาระงับความรู้สึกทางสันหลังจำนวน 9015 คน

โดยภาพรวม การศึกษาดังกล่าวมีคุณภาพไม่ดี เปรียบเทียบการเบ่งคลอดในท่าศรีษะสูงกับท่านอนหงาย ผู้คลอดเบ่งคลอดในท่าศรีษะสูงใช้ระยะเวลาน้อยกว่าประมาณหกนาที (19 การศึกษา, ตัวอย่าง 5811 คน; หลักฐานคุณภาพต่ำมาก) มีการใช้หัตถการช่วยคลอด เช่น ใช้คีมใช่วยคลอดน้อยลง (21 การศึกษา, ตัวอย่าง 6481 คน; หลักฐานคุณภาพปานกลาง) จำนวนการผ่าตัดคลอดไม่ได้แตกต่างกัน (16 การศึกษา, ตัวอย่าง 5439 คน; หลักฐานคุณภาพต่ำ) ผู้คลอดเบ่งคลอดในท่าศรีษะสูงได้รับการตัดฝีเย็บน้อยกว่า (การตัดฝีเย็บเพื่อเปิดทางให้ทารกผ่านออกมมา) แม้จะมีแนวโน้มว่าจะมีการฉีกขาดของฝีเย็บ (หลักฐานคุณภาพต่ำ) แต่ไม่มีความแตกต่างในจำนวนของการฉีกขาดของฝีเย็บรุนแรง (6 การศึกษา, ตัวอย่าง 1840 คน หลักฐานคุณภาพต่ำมาก) ระหว่างการคลอดในท่ายกศรีษะสูง หรือ ท่านอนหงาย ผู้คลอดเบ่งคลอดในท่าศรีษะสูงมีแนวโน้มที่จะมีการสูญเสียเลือด 500 มล.หรือมากกว่า ( 15 การทดลอง, ผู้คลอด 5615 คน หลักฐานคุณภาพปานกลาง) แต่อาจเกี่ยวข้องกับวิธีการวัดปริมาณเลือด ทารกมีปัญหาเกี่ยวกับจังหวะการเต้นของหัวใจน้อยกว่า เมื่อผู้คลอดเบ่งคลอดในท่าศรีษะสูง (2 การศึกษา, ตัวอย่าง 617 คน) ถึงแม้ว่าทารกจะได้เข้ารับการรักษาในห้องบริบาลทารกแรกเกิดไม่แตกต่าง (4 การทดลอง, ทารก 2565 คน หลักฐานคุณภาพต่ำ)

หมายความว่าอย่างไร

ผลการทบทวนการศึกษานี้เป็นประโยชน์ต่อสตรีที่จะเลือกเบ่งคลอดในท่าศรีษะสูง ระยะเวลาในการเบ่งคลอดน้อยกว่าแต่มีผลต่อการเสียเลือดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ควรตีความผลการศึกษาด้วยความระมัดระวังเนื่องจากความบกพร่องในการควบคุมการดำเนินกระบวนการศึกษา ระหว่างการทดลองและวิธีวิเคราะห์ผลการวิจัยได้

งานวิจัยหลายชิ้นแสดงให้เห็นประโยชน์และความเสี่ยงของท่าคลอดที่จะให้ความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าท่าใดดีที่สุดสำหรับสตรีส่วนใหญ่และทารก ในภาพรวม ผู้คลอดควรได้รับการสนับสนุนให้คลอดในท่าที่รู้สึกสะดวกสบาย

บทนำ

สำหรับศตวรรษนี้ ยังคงมีการถกเถียงทั่วว่าท่าศรีษะสูง (นั่ง แถบสตูล เก้าอี้ นั่งยอง คลานเข่า) หรือนอนหงาย (ตะแคงข้าง ท่านอยหงายศรีษะสูง 45 องศา ท่า lithotomy ท่านอนหงายราบศรีษะต่ำ) มีประโยชน์สำหรับผู้คลอด นี่เป็นการปรับปรุงรีวิวก่อนหน้านี้ เผยแพร่ใน 2012, 2004 และ 1999

วัตถุประสงค์

การประเมินเประโยชน์และความเสี่ยงของท่าคลอดในสตรีตั้งครรภ์ที่คลอดโดยไม่ได้รับยาระงับความรู้สึกทางสันหลังทั้งด้านมารดา ทารก ทารกแรกเกิด และผู้ดูแล

วิธีการสืบค้น

คณะผู้วิจัยค้นหาแหล่งมูลจากทะเบียนของ the Cochrane Pregnancy and Childbirth Group 's Trial Register (ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2016) และเอกสารอ้างอิงอื่นๆที่เกี่ยวข้องเท่าที่สืบค้นได้

เกณฑ์การคัดเลือก

การศึกษาแบบสุ่ม การศึกษาแบบกึ่งทดลอง หรือ cluster-randomised controlled trials ที่เกี่ยวข้องกับท่าคลอดในระยะเบ่งคลอดโดยเปรียบเทียบระหว่างท่าศรีษะสูงกับท่านอนหงายหรือ ท่า lithotomy การเปรียบเทียบรองได้แก่เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างท่าศรีษะสูงกับท่านอนหงาย รวมถึงผลการศึกษาที่ได้จากบทคัดย่อ

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล

ผู้วิจัยสองคนประเมินการศึกษาเพื่อนำเข้ามาทบทวนและประเมินคุณภาพอย่างอิสระต่อกัน ผู้เขียนอย่างน้อยสองคนเป็นผู้ดึงข้อมูล มีการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล ประเมินคุณภาพของหลักฐานโดยใช้วิธีเกรด

ผลการวิจัย

ผลลัพธ์ควรจะตีความ ด้วยความระมัดระวังเนื่องจากความเสี่ยงจากอคติในการคัดเลือกงานวิจัย เรารวมการทดลองใหม่สิบเอ็ดสำหรับงานปรับปรุงนี้ มี 32 วิจัย และหนึ่งการทดลองยังอยู่ระหว่างดำเนินการ วิเคราะห์ข้อมูลจากสามสิบการศึกษามีตัวอย่าง 9015 คน เปรียบเทียบท่าคลอดศรีษะสูงทุกรูปแบบกับท่านอนหงาย

สตรีทั้งหมดที่เข้าร่วมการศึกษา (ครรภ์แรกและครรภ์หลัง) เมื่อเปรียบเทียบระหว่างท่านอนหงายกับท่าศรีษะสูงแล้ว ท่าศรีษะสูงมีระยะเวลาที่ใช้ในการคลอดลดลง (MD -6.16 นาที, 95% CI -9.74 ถึง -2.59 นาที; 19 การทดลอง; ผู้คลอด 5811 คน; P = 0.0007; random-effects; I² = 91%; หลักฐานคุณภาพต่ำมาก) อย่างไรก็ตามควรแปลผลอย่างระมัดระวังจากความแตกต่างอย่างมากทั้งขนาดและทิศทางของผลการศึกษา ท่าคลอดศรีษะสูงมีความเกี่ยวข้องอย่างไม่ชัดเจนในอัตราการผ่าตัดคลอด (RR 1.22, 95% CI 0.81 1.81; 16 การทดลอง ผู้คลอด 5439 คน หลักฐานคุณภาพต่ำ), ลดเวลาในการช่วยคลอด (RR 0.75, 95% CI 0.66 ถึง 0.86, 21 การทดลอง, ผู้คลอด 6481 คน หลักฐานคุณภาพปานกลาง) การตัดฝีเย็บ (RR 0.75, 95% CI 0.61ถึง 0.92, 17 การทดลอง, ผู้คลอด 6148 คน random-effects; I² = 88%) ฝีเย็บฉีกขาดถึงระดับสองเพิ่มขึ้น (RR 1.20, 95% CI 1.00 ถึง1.44, 18 การทดลอง, ผู้คลอด 6715 คน I² = 43% หลักฐานคุณภาพต่ำ), ไม่มีความแตกต่างของฝีเย็บฉีกขาดถึงระดับสามและสี่ (RR 0.72, 95% CI 0.32 ถึง 1.65 6 การทดลอง, ผู้คลอด 1840 คนหลักฐานคุณภาพต่ำมาก), มีการสูญเสียเลือดมากกว่า 500 มล. (RR 1.48, 95% CI 1.10 ถึง 1.98, 15 การทดลอง; 5615 ผู้คลอดI² = 33% หลักฐานคุณภาพปานกลาง), อัตราการเต้นหัวใจทารกในครรภ์ผิดปกติน้อยลง (RR 0.46, 95% CI 0.22 ถึง 0.93, 2 การทดลอง, ผู้คลอด 617) ไม่มีความแตกต่างในจำนวนของทารกเข้าอภิบาลทารกแรกเกิด (RR 0.79, 95% CI 0.51 ถึง 1.21, 4 การทดลอง, ทารก 2565 คน หลักฐานคุณภาพต่ำ) การวิเคราะห์อย่างระมัดระวัง ตัดการศึกษาที่มีความเสี่ยงจะมีอคติสูงออก ไม่พบการเปลี่ยนแปลงของผลการศึกษา ยกเว้นว่าไม่มีความแตกต่างที่ชัดเจนในระยะเวลาในการเบ่งคลอด (MD-4.34, ผู้คลอด 2499 คน 21 การทดลอง; 95% CI-9.00 ถึง 0.32 I² = 85%)

เหตุผลหลักของการลด GRADE ของการศึกษาหลายชิ้นเนื่องจากข้อจำกัดของรูปแบบการศึกษา (วิธีการสุ่ม การจัดสรรเข้ากลุ่ม) ซึ่งมี heterogeneity สูง และ CIs กว้าง

ข้อสรุปของผู้วิจัย

ผลการทบทวนงานวิจัยแนะนำประโยชน์ในการคลอดท่าศรีษะสูงสำหรับผู้คลอดที่ไม่ได้รับยาระงับความรู้สึกทางสันหลัง เช่น ลดระยะเวลาในการเบ่งคลอด (ส่วนใหญ่จากกลุ่ม ครรภ์แรก) ลดอัตราการตัดฝีเย็บและการช่วยคลอด อย่างไรก็ตาม อาจเพิ่มปริมาณการเสียเลือดหลังคลอดมากกว่า 500 มล.และเพิ่มความเสี่ยงที่จะมีฝีเย็บฉีกขาดถึงระดับสอง ซึ่งเรายังคงไม่แน่ใจในเรื่องนี้ ในมุมมองของความเสี่ยงที่จะมีอคติในการทบทวนวรรณกรรม ในอนาคตควรเลือกการศึกษาที่มีการออกแบบอย่างดี เพื่อให้ทราบถึงประโยชน์และความเสี่ยงที่แท้จริงของท่าคลอด

บันทึกการแปล

แปลโดย เพียงจิตต์ ธารไพรสาณฑ์ วันที่ 20 กรกฎาคม 2017

Citation
Gupta JK, Sood A, Hofmeyr GJ, Vogel JP. Position in the second stage of labour for women without epidural anaesthesia. Cochrane Database of Systematic Reviews 2017, Issue 5. Art. No.: CD002006. DOI: 10.1002/14651858.CD002006.pub4.

การใช้คุกกี้ของเรา

เราใช้คุกกี้ที่จำเป็นเพื่อให้เว็บไซต์ของเรามีประสิทธิภาพ เรายังต้องการตั้งค่าการวิเคราะห์คุกกี้เพิ่มเติมเพื่อช่วยเราปรับปรุงเว็บไซต์ เราจะไม่ตั้งค่าคุกกี้เสริมเว้นแต่คุณจะเปิดใช้งาน การใช้เครื่องมือนี้จะตั้งค่าคุกกี้บนอุปกรณ์ของคุณเพื่อจดจำการตั้งค่าของคุณ คุณสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าคุกกี้ได้ตลอดเวลาโดยคลิกที่ลิงก์ 'การตั้งค่าคุกกี้' ที่ส่วนท้ายของทุกหน้า
สำหรับข้อมูลโดยละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุกกี้ที่เราใช้ โปรดดู หน้าคุกกี้

ยอมรับทั้งหมด
กำหนดค่า