ใจความสำคัญ
- การผ่าตัดตั้งแต่เนิ่นๆ โดยการเปิดหน้าท้องหรือผ่าตัดส่องกล้อง (ผ่าตัดโดยใช้มีดกรีดขนาดเล็กมาก) เพื่อเอาไส้ติ่งออก (ท่อที่เชื่อมระหว่างลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่) อาจลดอัตราการเกิดฝีในช่องท้องได้ (การสะสมของหนองในช่องท้อง) ในผู้ที่เป็น appendiceal phlegmon (การอักเสบกระจายที่มุมขวาล่างของไส้ติ่ง) แต่เราไม่แน่ใจอย่างมากเกี่ยวกับผลลัพธ์
- เราไม่ทราบว่าการผ่าตัดเปิดหน้าท้องหรือผ่าตัดผ่านกล้องไส้ติ่งตั้งแต่เนิ่นๆ มีผลกระทบสำคัญต่ออัตราภาวะแทรกซ้อนโดยรวมหรือต่อภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ในผู้ที่มีภาวะ appendiceal phlegmon หรือไม่ การผ่าตัดไส้ติ่งแบบเปิดหน้าท้องหรือผ่าตัดผ่านกล้องตั้งแต่เนิ่นๆ อาจลดระยะเวลาการนอนโรงพยาบาลโดยรวม และอาจเพิ่มระยะเวลาในการไม่ได้ทำกิจกรรมปกติ แต่เราไม่แน่ใจอย่างมากเกี่ยวกับผลลัพธ์
- เราไม่ทราบว่าการผ่าตัดใส้ติ่งผ่านกล้องออกตั้งแต่เนิ่นๆ มีผลกระทบสำคัญต่อผลลัพธ์ในเด็กที่มี ภาวะ appendiceal abscess หรือไม่
ก้อนใสติ่งคืออะไร
ไส้ติ่งเป็นท่อที่อยู่ระหว่างรอยต่อของลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ 'ไส้ติ่งอักเสบ' คืออาการที่ไส้ติ่งบวมและเจ็บปวด (อักเสบ) ในบางกรณี ไส้ติ่งอักเสบอาจทำให้เกิดก้อนที่เรียกว่าก้อนไส้ติ่งขึ้นที่ไส้ติ่งได้ นี่อาจเป็น 'phlegmon' ซึ่งเป็นอาการอักเสบกระจายที่มุมขวาล่างของไส้ติ่ง หรือ 'ฝี' ซึ่งเป็นการสะสมของหนองในกระเพาะอาหาร
ก้อนที่ไส้ติ่งได้รับการรักษาอย่างไร
ผู้ที่มีก้อนไส้ติ่งมักจะต้องผ่าตัดเอาไส้ติ่งออกเพื่อบรรเทาอาการ (ปวดท้อง เบื่ออาหาร คลื่นไส้ และอาเจียน) และหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อน (เช่น เยื่อบุช่องท้องอักเสบ) ระยะเวลาที่จะทำการผ่าตัดมีข้อขัดแย้งกัน การผ่าตัดทันทีนั้นทำได้ยากเพราะการเย็บ (เย็บ) ส่วนปลาของไส้ติ่งที่อักเสบอยู่นั้นทำได้ยาก อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญบางคนคิดว่าการตัดไส้ติ่งออกในสัปดาห์ต่อๆมา (การผ่าตัดล่าช้า) นั้นไม่จำเป็น เนื่องจากผู้คนไม่น่าจะมีโอกาสเป็นซ้ำได้หลังจากการรักษาโดยไม่ผ่าตัดประสบความสำเร็จ อย่างไรก็ตาม บางครั้งการค้นหาสาเหตุของก้อนที่ไส้ติ่งอาจทำได้ยาก และการรอเพื่อเอาไส้ติ่งออกอาจทำให้การวินิจฉัยโรคที่เป็นต้นเหตุล่าช้าได้
เราต้องการค้นหาอะไร
เราต้องการทราบว่าการตัดไส้ติ่งออกตั้งแต่เนิ่นๆ (ทันทีหลังเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหรือภายในสองสามวัน) ดีกว่าการผ่าตัดไส้ติ่งออกทีหลัง (หลายสัปดาห์ต่อมาในการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลครั้งต่อๆ ไป) ในแง่ของ:
- อัตราภาวะแทรกซ้อนโดยรวม ได้แก่ การติดเชื้อที่บาดแผล ฝีในช่องท้อง ช่องเชื่อมระบายอุจจาระ (ช่องเปิดผิดปกติระหว่างลำไส้กับช่องท้อง)
- อัตราการเสียชีวิต
- ระยะเวลาพักรักษาตัวในโรงพยาบาลทั้งหมด
- ระยะเวลาไม่ได้ทำกิจกรรมปกติ
เราทำอะไรบ้าง
เราค้นหาการศึกษาที่พิจารณาการผ่าตัดไส้ติ่งออกตั้งแต่เนิ่นๆ เทียบกับการตัดไส้ติ่งออกล่าช้าในผู้ที่มีภาวะ appendiceal phlegmon หรือ appendiceal abscess เราเปรียบเทียบและสรุปผลการศึกษา และประเมินความเชื่อมั่นของเราต่อหลักฐาน โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น วิธีการศึกษาและขนาดของการศึกษา
ผู้วิจัยค้นพบอะไรบ้าง
เราระบุการศึกษา 8 ฉบับ มีผู้เข้าร่วม 828 คน ซึ่งเปรียบเทียบการผ่าตัดไส้ติ่งตั้งแต่เนิ่นๆและล่าช้าสำหรับ appendiceal phlegmon(การศึกษา 7 ฉบับ) หรือ appendiceal abscess (การศึกษา 1 ฉบับ)
คนที่มีภาวะ appendiceal phlegmon
เราพบการศึกษา 7 ฉบับ ในเด็กและผู้ใหญ่ 788 รายที่มี appendiceal phlegmon ในจำนวนนี้ 394 รายมีการผ่าตัดเปิดหน้าท้องหรือผ่าตัดผ่านกล้องตั้งแต่เนิ่นๆ และ 394 รายมีการผ่าตัดล่าช้าโดยการเปิดหน้าท้องหรือผ่าตัดผ่านกล้อง
เราไม่ทราบว่าการผ่าตัดไส้ติ่งออกตั้งแต่เนิ่นๆ จะส่งผลต่อภาวะแทรกซ้อนโดยรวมหรือไม่ (รวมถึงการติดเชื้อที่บาดแผลและ faecal fistula)
เมื่อเทียบกับการเลื่อนผ่าตัดไส้ติ่งออกไป การผ่าตัดเอาไส้ติ่งออกเร็วอาจลดฝีในช่องท้องได้ (ฝีในช่องท้องลดลง 43 คนต่อ 1000 คน) และลดระยะเวลาที่ต้องนอนโรงพยาบาลโดยรวมประมาณสองวัน แต่เราไม่แน่ใจอย่างมากเกี่ยวกับผลลัพธ์เหล่านี้
ไม่มีผู้เสียชีวิตในการศึกษา
การผ่าตัดเอาไส้ติ่งออกตั้งแต่เนิ่นๆ อาจเพิ่มระยะเวลาในการออกจากกิจกรรมปกติประมาณห้าวัน แต่เราไม่แน่ใจมากเกี่ยวกับผลลัพธ์นี้
คนที่เป็นฝี
เราพบการศึกษา 1 ฉบับ มีเด็ก 40 คน เด็กจำนวน 20 คนมีการผ่าตัดไส้ติ่งออกตั้งแต่เนิ่นๆด้วยการผ่าตัดผ่านกล้อง และเด็ก 20 คนผ่าตัดไส้ติ่งออกล่าช้าด้วยการผ่าตัดผ่านกล้อง
การศึกษาไม่ได้รายงานภาวะแทรกซ้อนโดยรวม (รวมถึงการติดเชื้อที่บาดแผล ฝีในช่องท้อง และ faecal fistula) หรือเวลาในการออกจากกิจกรรมตามปกติ
ไม่มีผู้เสียชีวิตในการศึกษา
เราไม่ทราบว่าการผ่าตัดไส้ติ่งออกตั้งแต่เนิ่นๆจะส่งผลต่อระยะเวลาที่ต้องนอนรักษาในโรงพยาบาลหรือไม่
ข้อจำกัดของหลักฐานคืออะไร
เราไม่มั่นใจในหลักฐานเนื่องจากเป็นไปได้ที่ผู้คนในการศึกษาทราบว่าตนได้รับการรักษาแบบใด และเนื่องจากการศึกษาบางชิ้นไม่ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับทุกสิ่งที่เราสนใจ นอกจากนี้ การศึกษาบางฉบับไม่ได้รายงานอย่างชัดเจนถึงวิธีการดำเนินการ และไม่มีการศึกษาเพียงพอที่จะให้เรามั่นใจเกี่ยวกับผลลัพธ์
หลักฐานนี้เป็นปัจจุบันแค่ไหน
การทบทวนวรรณกรรมนี้เป็นการปรับปรุงการทบทวนวรรณกรรมก่อนหน้า หลักฐานเป็นปัจจุบันถึงเดือนมิถุนายน 2023
Read the full abstract
นี่เป็นการปรับปรุงการทบทวนวรรณกรรมของ Cochrane ที่เผยแพร่ครั้งแรกในปี 2017
ไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลัน (การอักเสบของไส้ติ่ง) อาจเกิดขึ้นได้ทั้งแบบธรรมดาหรือซับซ้อน ไส้ติ่งที่เป็บแบบก้อนและฝีไส้ติ่งเป็นตัวอย่างของไส้ติ่งอักเสบที่ซับซ้อน ไส้ติ่งอักเสบเป็นก้อน (appendiceal phlegmon) คือการอักเสบบริเวณกว้างที่มุมขวาล่างของไส้ติ่ง ในขณะที่ฝีในไส้ติ่งนั้นเป็นก้อนที่อักเสบในช่องท้องซึ่งมีหนอง
Appendiceal phlegmon และ Appendiceal abscess คิดเป็น 2% ถึง 10% ของไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลัน ผู้ที่มีภาวะ Appendiceal phlegmon หรือ Appendiceal abscess มักจะต้องผ่าตัดไส้ติ่งเพื่อบรรเทาอาการ (เช่น อาการปวดท้อง เบื่ออาหาร คลื่นไส้ และอาเจียน) และหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อน (เช่น เยื่อบุช่องท้องอักเสบ (การติดเชื้อของเยื่อบุช่องท้อง)) การผ่าตัดผู้ที่มีภาวะ Appendiceal phlegmon หรือ Appendiceal abscess อาจทำเร็ว (ทันทีหลังเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหรือภายในสองสามวันหลังจากเข้ารับการรักษา) หรือทำช้า (หลายสัปดาห์ต่อมาในการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลครั้งต่อไป) ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดของการผ่าตัดไส้ติ่งสำหรับ Appendiceal phlegmon หรือ Appendiceal abscess ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่
วัตถุประสงค์
เพื่อประเมินผลของการผ่าตัดไส้ติ่งตั้งแต่เนิ่นๆ เปรียบเทียบกับการผ่าตัดไส้ติ่งที่ล่าช้าต่อการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตโดยรวมในผู้ป่วย appendiceal phlegmon หรือ appendiceal abscess
วิธีการสืบค้น
เราสืบค้น CENTRAL, MEDLINE, Embase, ฐานข้อมูลอื่นอีกแหล่ง และทะเบียนการทดลองห้ารายการในวันที่ 11 มิถุนายน 2023 ร่วมกับการตรวจสอบข้อมูลอ้างอิงเพื่อระบุการศึกษาเพิ่มเติม
เกณฑ์การคัดเลือก
เรารวมการทดลองแบบมีกลุ่มควบคุม (RCTs) แบบรายบุคคลและแบบคลัสเตอร์ทั้งหมด โดยไม่คำนึงถึงภาษา สถานะการตีพิมพ์ หรืออายุของผู้เข้าร่วม โดยเปรียบเทียบการผ่าตัดไส้ติ่งตั้งแต่เนิ่นๆ และแบบล่าช้าในผู้ที่เป็น appendiceal phlegmon หรือ appendiceal abscess
การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล
เราใช้ระเบียบวิธีการมาตรฐานที่ Cochrane กำหนดไว้
ผลการวิจัย
เรารวบรวม RCTs 8 ฉบับที่สุ่มผู้เข้าร่วม 828 คนเข้ารับการผ่าตัดไส้ติ่งตั้งแต่เนิ่นๆ หรือล่าช้าสำหรับ appendiceal phlegmon (การทดลอง 7 ฉบับ) หรือ appendiceal abscess (การทดลอง 1 ฉบับ) การศึกษานี้ดำเนินการในสหรัฐอเมริกา อินเดีย เนปาล และปากีสถาน RCT ทั้งหมดมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอคติเนื่องจากขาดการปกปิดและขาดการการเผยแพร่เกณฑ์และวิธีทที่ศึกษา วิธีการสุ่มและระยะเวลาในการติดตามผลก็ไม่ชัดเจน
1. การผ่าตัดไส้ติ่งแบบเปิดหรือผ่านกล้องในระยะเริ่มแรกหรือแบบล่าช้าสำหรับ appendiceal phlegmon
เรารวมการทดลอง 7 ฉบับที่เกี่ยวข้องกับผู้เข้าร่วมเด็กและผู้ใหญ่ 788 รายที่มี apendiceal phlegmon: ผู้เข้าร่วม 394 รายได้รับการสุ่มไปยังกลุ่มการผ่าตัดไส้ติ่งตั้งแต่เนิ่นๆ (การผ่าตัดไส้ติ่งแบบเปิดหน้าท้องหรือผ่านกล้องทันทีที่ก้อนไส้ติ่งหายภายในรอบการเข้ารับการรักษาครั้งเดียวกัน) และ 394 รายได้รับการสุ่มไปยังกลุ่มการผ่าตัดไส้ติ่งล่าช้า (การรักษาเบื้องต้นแบบอนุรักษ์นิยม ตามมาด้วยการผ่าตัดไส้ติ่งแบบล่าช้าแบบเปิดหน้าท้องหรือการผ่าตัดผ่านกล้อง เมื่อเวลาผ่านไปหลายสัปดาห์)
ไม่มีการเสียชีวิตในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หลักฐานมีความไม่แน่นอนอย่างมากเกี่ยวกับผลของการผ่าตัดไส้ติ่งตั้งแต่เนิ่นๆ ต่อการเจ็บป่วยโดยรวม (อัตราส่วนความเสี่ยง (RR) 0.74, 95% ช่วงความเชื่อมั่น (CI) 0.19 ถึง 2.86; การทดลอง 3 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 146 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก), สัดส่วนของผู้เข้าร่วมที่เกิดการติดเชื้อที่บาดแผล (RR 0.99, 95% CI 0.48 ถึง 2.02; การทดลอง 7 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 788 คน) และสัดส่วนของผู้เข้าร่วมที่กลายเป็นช่องเปิดผิดปกติระหว่างลำไส้กับช่องท้อง (faecal fistulas) (RR 1.75, 95% CI 0.36 ถึง 8.49; การทดลอง 5 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 388 คน) การผ่าตัดไส้ติ่งตั้งแต่เนิ่นๆ อาจลดอัตราการเกิดฝีในช่องท้อง (RR 0.26, 95% CI 0.08 ถึง 0.80; การทดลอง 4 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 626 คน หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก) ลดระยะเวลาในการนอนโรงพยาบาลทั้งหมดประมาณสองวัน (ค่าเฉลี่ยความแตกต่าง (MD) - 2.02 วัน 95% CI −3.13 ถึง −0.91; การทดลอง 5 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 680 คน) และเพิ่มเวลาออกจากกิจกรรมปกติประมาณห้าวัน (MD 5.00 วัน; 95% CI 1.52 ถึง 8.48; การทดลอง 1 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 40 คน) แต่หลักฐานมีความไม่แน่นอนอย่างมาก
2. การผ่าตัดไส้ติ่งผ่านกล้องในระยะเริ่มแรกและแบบล่าช้าสำหรับฝีไส้ติ่ง
เรารวบรวมหนึ่งการทดลองที่เกี่ยวข้องกับผู้เข้าร่วมเด็ก 40 รายที่มี appendiceal abscess: 20 รายได้รับการสุ่มไปยังกลุ่มการผ่าตัดไส้ติ่งระยะเริ่มต้น (การผ่าตัดไส้ติ่งผ่านกล้องแบบฉุกเฉิน) และ 20 รายได้รับการสุ่มไปยังกลุ่มการผ่าตัดไส้ติ่งล่าช้า (การรักษาเบื้องต้นแบบอนุรักษ์นิยม ตามด้วยการผ่าตัดไส้ติ่งผ่านกล้องแบบล่าช้า 10 สัปดาห์ต่อมา) ไม่มีการเสียชีวิตในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง การทดลองไม่ได้รายงานการเจ็บป่วยโดยรวม ภาวะแทรกซ้อนต่างๆ หรือระยะเวลาที่ทำกิจกรรมปกติไม่ได้ หลักฐานมีความไม่แน่นอนอย่างมากเกี่ยวกับผลของการผ่าตัดไส้ติ่งตั้งแต่เนิ่นๆ ต่อระยะเวลาการนอนโรงพยาบาลทั้งหมด (MD −0.20 วัน, 95% CI −3.54 ถึง 3.14; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก)
ข้อสรุปของผู้วิจัย
สำหรับการเปรียบเทียบการผ่าตัดไส้ติ่งแบบเปิดหน้าท้องหรือผ่านกล้องตั้งแต่เนิ่นๆ กับแบบล่าช้าสำหรับผู้เข้าร่วมในเด็กและผู้ใหญ่ที่มีไส้ติ่งเป็นก้อน หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำมากแสดงให้เห็นว่าการผ่าตัดไส้ติ่งตั้งแต่เนิ่นๆ อาจลดอัตราการเกิดฝีในช่องท้องได้ หลักฐานยังไม่แน่ชัดว่าการผ่าตัดไส้ติ่งตั้งแต่เนิ่นๆ จะป้องกันการเจ็บป่วยโดยรวมหรือภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ หรือไม่ การผ่าตัดไส้ติ่งตั้งแต่เนิ่นๆ อาจลดระยะเวลาการนอนโรงพยาบาลโดยรวม และเพิ่มระยะเวลาในการไม่ได้ทำกิจกรรมตามปกติ แต่หลักฐานยังไม่แน่นอนอย่างมาก
สำหรับการเปรียบเทียบการผ่าตัดไส้ติ่งตั้งแต่เนิ่นและแบบล่าช้าๆ โดยผ่านการส่องกล้องสำหรับผู้เข้าร่วมที่เป็นเด็กที่มี appendiceal abscess ข้อมูลมีไม่มากนัก และเราไม่สามารถแยกแยะประโยชน์ที่มีนัยสำคัญหรืออันตรายของการผ่าตัดไส้ติ่งตั้งแต่เนิ่นๆ และแบบล่าช้าได้
จำเป็นต้องมีการทดลองเพิ่มเติมในหัวข้อนี้อย่างเร่งด่วน และควรระบุเกณฑ์สำหรับการใช้ยาปฏิชีวนะ การระบายหนองไส้ติ่งออกทางผิวหนังก่อนการผ่าตัด และการหายของ appendiceal phlegmon หรือ appendiceal abscess การทดลองในอนาคตควรรวมผลลัพธ์ต่างๆ เช่น ระยะเวลาการไม่ได้ทำกิจกรรมตามปกติ และระยะเวลาในการนอนโรงพยาบาล
แปลโดย พญ.วิลาสินี หน่อแก้ว โรงพยาบาลมะเร็งอุบลราชธานี Edit โดย พ.ญ. ผกากรอง ลุมพิกานนท์ 18 เมษายน 2025