การใช้คอมพิวเตอร์หรือเทคโนโลยีหุ่นยนต์ช่วยศัลยแพทย์ในการผ่าตัดทางนรีเวช

การทบทวนที่ปรับปรุงใหม่นี้แต่เดิมครอบคลุมโดยงานทบทวนสองรายการของ Cochrane ที่แยกจากกันเกี่ยวกับการผ่าตัดโดยใช้หุ่นยนต์ช่วยสำหรับโรคทางนรีเวชที่ไม่ร้ายแรงและร้ายแรง

คำถามของการทบทวนวรรณกรรม
การผ่าตัดผ่านกล้อง (รูกุญแจ) ใช้กันอย่างแพร่หลายในนรีเวชวิทยา การผ่าตัดโดยใช้หุ่นยนต์ช่วย (RAS) เป็นการผ่าตัดผ่านกล้องรูปแบบใหม่ที่ช่วยให้ศัลยแพทย์ทำการผ่าตัดจากคอนโซลคอมพิวเตอร์ที่อยู่ห่างจากผู้ป่วยโดยใช้แขนกลที่ควบคุมด้วยรีโมทซึ่งติดอยู่กับโต๊ะผ่าตัด RAS มีการใช้งานแล้วในหลายประเทศสำหรับการผ่าตัดทางนรีเวช โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการตัดมดลูก (การเอามดลูก/มดลูกออก) และได้รับการรายงานว่ามีประโยชน์สำหรับการตัดเนื้อเยื่อมดลูก (การกำจัดเนื้องอกในมดลูก) การต่อท่อนำไข่ (การรวมปลายทั้งสองของ ท่อนำไข่หนึ่งท่อเพื่อฟื้นฟูภาวะเจริญพันธุ์), sacrocolpopexy (ออกแบบมาเพื่อซ่อมแซมอาการห้อยยานของช่องคลอดเมื่อส่วนบนสุดของช่องคลอดเลื่อนลงมา) และการผ่าตัดอื่น ๆ สำหรับโรคที่ไม่ร้ายแรง (ไม่ใช่มะเร็ง) นอกจากนี้ยังใช้ในการรักษาสตรีที่เป็นมะเร็งทางนรีเวช โดยเฉพาะอย่างยิ่งเยื่อบุโพรงมดลูก (เยื่อบุมดลูก) และมะเร็งปากมดลูก อย่างไรก็ตาม ประโยชน์และความเสี่ยงของ RAS เทียบกับวิธีการผ่าตัดมาตรฐานยังไม่เป็นที่แน่ชัด

เราดำเนินการตรวจสอบอย่างไร
เราค้าหาการศึกษาโดยการค้นหาฐานข้อมูลและติดต่อนักวิจัยที่ลงทะเบียนการทดลอง ผู้ทบทวน 2 คนประเมินการศึกษาและรวบรวมข้อมูลจากการศึกษาแต่ละเรื่องอย่างอิสระต่อกัน เรารวมเฉพาะการทดลองที่มีการควบคุมแบบสุ่มเท่านั้น เรารวบรวมข้อมูลจากการศึกษาเดี่ยวที่คล้ายคลึงกันในการวิเคราะห์ และเราตรวจสอบการผ่าตัดประเภทต่างๆ แยกกัน (การผ่าตัดมดลูก sacrocolpopexy หรือการผ่าตัดเพื่อเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่)

ผลการศึกษา
เรารวมการศึกษา 12 ฉบับที่เกี่ยวข้องกับสตรี 1016 คนที่ต้องผ่าตัดโรคทางนรีเวช การศึกษามีความเสี่ยงของการมีอคติโดยรวมปานกลางถึงสูง ขั้นตอนที่ดำเนินการ คือ ผ่าตัดตัดมดลูก (การศึกษาแปดชิ้น) และการผ่าตัดเย็บแขวนช่องคลอด (sacrocolpopexy) (การศึกษา 3 ฉบับ) นอกจากนี้ การทดลอง 1 ฉบับได้ตรวจสอบการผ่าตัดรักษา endometriosis ซึ่งรวมถึงการผ่าตัดเอารอยโรคออกหรือการตัดมดลูก เราไม่แน่ใจว่า RAS หรือการผ่าตัดผ่านกล้องแบบธรรมดา (CLS) มีอัตราการเกิดภาวะแทรกซ้อนโดยรวมต่ำกว่าหรือไม่ เนื่องจากหลักฐานที่รวบรวมได้มีความแน่นอนต่ำ เวลาที่ใช้ในการผ่าตัดแตกต่างกันมากตามการศึกษาที่รายงานผลลัพธ์นี้ ดังนั้นผลลัพธ์จึงตีความได้ยาก และแม้ว่าหลักฐานจะแสดงว่าการอยู่โรงพยาบาลในกลุ่ม RAS จะสั้นกว่าเล็กน้อย (1 ใน 3 ของวัน) เราถือว่าหลักฐานดังกล่าวมีความไม่แน่นอนอย่างมากและการศึกษามีความเสี่ยงสูงของการมีอคติ

สำหรับการทำ sacrocolpopexy หลักฐานโดยรวมแสดงให้เห็นว่าไม่มีความแตกต่างที่ชัดเจนในอัตราของภาวะแทรกซ้อนใด ๆ กับ RAS เมื่อเทียบกับ CLS แต่หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำ มีเพียงการศึกษาเดียวที่รายงานภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัด ซึ่งสูงกว่าในกลุ่ม RAS (หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำ) RAS มีเวลาเฉลี่ยของการทำที่เพิ่มขึ้น 40.53 นาทีในกลุ่ม RAS (หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำ) แต่ผลลัพธ์เหล่านี้อาจไม่น่าเชื่อถือ เนื่องจากมีความแตกต่างกันมากระหว่างการศึกษา เราพบหลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำมากซึ่งบ่งชี้ว่า RAS และ CLS มีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยในแง่ของระยะเวลาพักรักษาตัวในโรงพยาบาล

การศึกษาขนาดเล็ก 2 ฉบับ ศึกษาการตัดมดลูกโดยใช้ RAS เทียบกับการผ่าตัดช่องท้องแบบเปิด อย่างไรก็ตาม ผลการวิจัยส่วนใหญ่ได้รับการประเมินว่าไม่แน่นอนเกินกว่าจะสรุปได้ ในทำนองเดียวกัน การศึกษาที่มีข้อมูลสำหรับสตรี 73 คน ศึกษา RAS เทียบกับ CLS สำหรับการผ่าตัดเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ สตรีที่เป็นโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่เข้ารับการผ่าตัดตั้งแต่การผ่าตัดเยื่อบุโพรงมดลูกเล็กๆ น้อยๆ ไปจนถึงการตัดมดลูก สตรีจำนวนมากที่รวมอยู่ในการศึกษานี้ได้รับการผ่าตัดก่อนหน้านี้สำหรับโรคของพวกเขา และขนาดตัวอย่างไม่เพียงพอที่จะแสดงความแตกต่างที่อาจเกิดขึ้นระหว่างเทคนิคการผ่าตัด

บทสรุป
อัตราภาวะแทรกซ้อน (ระหว่างและหลังการผ่าตัด) สำหรับ RAS อาจใกล้เคียงกับ CLS; อย่างไรก็ตาม หลักฐานโดยทั่วไปมีคุณภาพ/ ความเชื่อมั่นต่ำ หลักฐานการใช้ในการผ่าตัดมะเร็งทางนรีเวชมีความไม่แน่นอนมากกว่า เนื่องจากเราไม่พบหลักฐานเปรียบเทียบเกี่ยวกับการกลับเป็นซ้ำของมะเร็งหรือการรอดชีวิตหลังการผ่าตัดมะเร็ง เนื่องจาก RAS ขึ้นอยู่กับทักษะและประสบการณ์ของศัลยแพทย์และเป็นเทคโนโลยีที่มีราคาแพง การประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัยโดยไม่คำนึงถึงปัจจัยอื่นเป็นสิ่งที่ท้าทาย

ข้อสรุปของผู้วิจัย: 

หลักฐานเกี่ยวกับประสิทธิภาพและความปลอดภัยของ RAS เมื่อเทียบกับ CLS สำหรับโรคที่ไม่ร้ายแรง (การตัดมดลูกและ sacrocolpopexy) มีความเชื่อมั่นต่ำ แต่แสดงว่าอัตราภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดอาจเทียบเคียงได้ หลักฐานเกี่ยวกับประสิทธิภาพและความปลอดภัยของ RAS เมื่อเปรียบเทียบกับ CLS หรือการผ่าตัดแบบเปิดสำหรับโรคมะเร็งนั้นมีความไม่แน่นอนมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากขาดข้อมูลการรอดชีวิต RAS เป็นเทคโนโลยีราคาแพงที่ขึ้นอยู่กับผู้ปฏิบัติงาน ดังนั้นการประเมินความปลอดภัยของเทคโนโลยีนี้โดยไม่คำนึงถึงปัจจัยอื่นเป็นสิ่งที่ท้าทาย

อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
บทนำ: 

นี่เป็นการทบทวนแบบรวมฉบับปรับปรุงของการทบทวน Cochrane ที่แยกจากกัน 2 ฉบับ: รายการแรกเกี่ยวกับการผ่าตัดโดยใช้หุ่นยนต์ช่วย (RAS) สำหรับโรคทางนรีเวชที่ไม่ร้ายแรง และอีกรายการหนึ่งเกี่ยวกับ RAS สำหรับมะเร็งทางนรีเวช RAS เป็นนวัตกรรมใหม่ในการผ่าตัดผ่านกล้องที่ช่วยให้ศัลยแพทย์ทำการผ่าตัดจากคอนโซลคอมพิวเตอร์ซึ่งอยู่ห่างจากเตียงผ่าตัด RAS มีการใช้กันอย่างแพร่หลายในสหรัฐอเมริกาสำหรับการตัดมดลูก และได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีความเป็นไปได้สำหรับหัตถการทางนรีเวชอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ประสิทธิผลทางคลินิกและความปลอดภัยของ RAS เมื่อเปรียบเทียบกับการผ่าตัดผ่านกล้องแบบทั่วไป (CLS) ยังไม่เป็นที่แน่ชัด และจำเป็นต้องได้รับการทบทวนโดยอิสระต่อกัน

วัตถุประสงค์: 

เพื่อประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัยของ RAS ในการรักษาสตรีที่เป็นโรคทางนรีเวชที่ไม่ร้ายแรงและโรคที่เป็นมะเร็ง

วิธีการสืบค้น: 

สำหรับการปรับปรุงครั้งนี้ เราได้ค้นหา Cochrane Central Register of Controlled Trials (CENTRAL), MEDLINE ผ่าน Ovid และ EMBASE ผ่าน Ovid เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2018 เราค้นหา www.ClinicalTrials.gov เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2018

เกณฑ์การคัดเลือก: 

Randomized controlled trials (RCTs) ที่เปรียบเทียบ RAS กับ CLS หรือการผ่าตัดแบบเปิดในสตรีที่ต้องผ่าตัดสำหรับโรคทางนรีเวช

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล: 

ผู้ทบทวน 2 คนได้ทำการทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นอิสระต่อกัน เพื่อประเมินงานวิจัยในเรื่องการคัดเข้าในการทบทวน ความเสี่ยงต่อการมีอคติ ดึงข้อมูล และลงข้อมูลใน excel เราตรวจสอบวิธีการต่างๆ ในการเปรียบเทียบแบบแยกกัน และสำหรับข้อมูลที่จัดกลุ่มย่อยของการตัดมดลูกตามประเภทของโรค (ไม่ใช่มะเร็งกับมะเร็ง) เมื่อมีการศึกษามากกว่า 1 ฉบับที่มีข้อมูล เราได้รวมข้อมูลโดยใช้วิธีการ random-effects methods ด้วยโปรแกรม RevMan 5.3

ผลการวิจัย: 

เรารวบรวม RCTs 12 ฉบับ ที่เกี่ยวข้องกับสตรี 1016 คน การศึกษามีความเสี่ยงของการมีอคติโดยรวมปานกลางถึงสูง และเราลดระดับหลักฐานส่วนใหญ่เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงของอคติในการศึกษาที่ให้ข้อมูลและการประมาณการผลกระทบที่ไม่แม่นยำ ขั้นตอนที่ดำเนินการ คือ ผ่าตัดตัดมดลูก (การศึกษาแปดชิ้น) และการผ่าตัดเย็บแขวนช่องคลอด (sacrocolpopexy) (การศึกษา 3 ฉบับ) นอกจากนี้ การทดลอง 1 ฉบับได้ตรวจสอบการผ่าตัดรักษา endometriosis ซึ่งรวมถึงการผ่าตัดเอารอยโรคออกหรือการตัดมดลูก ในการศึกษาของสตรีที่เข้ารับการตัดมดลูก มีการศึกษา 2 ฉบับที่เกี่ยวข้องกับโรคมะเร็ง (มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก) ส่วนที่เหลือเกี่ยวข้องกับโรคที่ไม่ใช่มะเร็ง

• RAS กับ CLS (การตัดมดลูก)

หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำชี้ให้เห็นว่าอัตราภาวะแทรกซ้อนระหว่าง RAS และ CLS อาจมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีความแตกต่างเลย (อัตราส่วนความเสี่ยง (RR) 0.92 ช่วงความเชื่อมั่น 95% (CI) 0.54 ถึง 1.59 ผู้เข้าร่วม = 585 คน; การศึกษา = 6 ฉบับ; I² = 51 %) อัตราภาวะแทรกซ้อนระหว่างการผ่าตัด (RR 1.05, 95% CI 0.31 ถึง 3.56; ผู้เข้าร่วม = 487 คน; การศึกษา = 5 ฉบับ; I² = 28%), ภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัด (RR 0.82, 95% CI 0.42 ถึง 1.59; ผู้เข้าร่วม = 533 คน; การศึกษา = 5 ฉบับ; I 2 = 51%) และการถ่ายเลือด (RR 2.49, 95% CI 0.75 ถึง 8.23; ผู้เข้าร่วม = 346 คน; การศึกษา = 4 ฉบับ; I 2 = 0%)) ไม่มีความแตกต่างทางสถิติระหว่างกลุ่มย่อยที่เป็นมะเร็งและไม่ใช่มะเร็งในเรื่องอัตราการเกิดภาวะแทรกซ้อน ไม่มีรายงานผลการอยู่รอดของสตรีที่เป็นโรคมะเร็ง

เวลาเฉลี่ยในการผ่าตัดในกลุ่ม RAS นานกว่าในกลุ่ม CLS (ความแตกต่างเฉลี่ย (MD) 41.18 นาที, 95% CI -6.17 ถึง 88.53; ผู้เข้าร่วม = 148 คน; การศึกษา = 2 ฉบับ; I² = 80%; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก) และระยะเวลาเฉลี่ยของการรักษาในโรงพยาบาลด้วย RAS สั้นลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับ CLS (MD -0.30 วัน, 95% CI -0.53 ถึง -0.07; ผู้เข้าร่วม = 192 คน; การศึกษา = 2 ฉบับ; I² = 0%; หลักฐานความแน่นอนต่ำมาก)

• RAS กับ CLS (sacrocolpopexy)

หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำมากแสดงให้เห็นความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยของอัตราของภาวะแทรกซ้อนใดๆ ระหว่างสตรีที่ได้รับ sacrocolpopexy โดย RAS หรือ CLS (RR 0.95, 95% CI 0.21 ถึง 4.24; ผู้เข้าร่วม = 186 คน; การศึกษา = 3 ฉบับ; I² = 78%) หรือใน ภาวะแทรกซ้อนระหว่างการผ่าตัด (RR 0.82, 95% CI 0.09 ถึง 7.59; ผู้เข้าร่วม = 108 คน; การศึกษา = 2 ฉบับ; I² = 47%) หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำเกี่ยวกับภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัดชี้ให้เห็นว่า RAS อาจสูงขึ้น (RR 3.54, 95% CI 1.31 ถึง 9.56; การศึกษา = 1 ฉบับ; ผู้เข้าร่วม = 68 คน) นักวิจัยไม่ได้รายงานการถ่ายเลือดและการเสียชีวิตภายใน 30 วัน

หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำชี้ให้เห็นว่า RAS อาจเกี่ยวข้องกับเวลาผ่าตัดที่เพิ่มขึ้น (MD 40.53 นาที, 95% CI 12.06 ถึง 68.99; ผู้เข้าร่วม = 186 คน; การศึกษา = 3 ฉบับ; I² = 73%) หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำมากแสดงให้เห็นความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยระหว่างสองเทคนิคในแง่ของระยะเวลาพักรักษาในโรงพยาบาล (MD 0.26 วัน, 95% CI -0.15 ถึง 0.67; ผู้เข้าร่วม = 108 คน; การศึกษา = 2 ฉบับ; I² = 0%)

• RAS กับการผ่าตัดช่องท้องแบบเปิด (การตัดมดลูก)

การศึกษา 2 ฉบับ จากผู้เข้าร่วม 20 คน และ 96 คน ที่เป็นโรคที่ไม่ใช่มะเร็งและโรคมะเร็งตามลำดับ เปรียบเทียบ RAS กับการผ่าตัดแบบเปิด สำหรับผลลัพธ์ส่วนใหญ่ มีเพียงหนึ่งการศึกษาที่มีข้อมูล โดยหลักฐานส่วนใหญ่ประเมินว่ามีความแน่นอนต่ำมาก หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำจากการศึกษาในสตรีที่เป็นมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกบ่งชี้ว่าการได้ต่อมน้ำเหลืองอาจลดลงเมื่อใช้ RAS (MD -8.00, 95% CI -14.97 ถึง -1.03) เวลาผ่าตัดอาจนานกว่า (233 นาที (ช่วง 166 ถึง 320 นาที) เมื่อเทียบกับ 187 นาที (ช่วง 109 ถึง 300) การพักรักษาตัวในโรงพยาบาลอาจสั้นลง (ค่าเฉลี่ย 2 วัน [1 ถึง 5] เทียบกับ 5 วัน [4 ถึง 9]; P<0.001) และค่าใช้จ่ายโดยรวมอาจน้อยกว่า (MD -1568.00 ดอลลาร์สหรัฐ 95% CI -3100.75 ถึง -35.25) เมื่อเทียบกับการผ่าตัดแบบเปิด ไม่มีการรายงานผลการรอดชีวิต

• RAS กับ CLS สำหรับ endometriosis

การศึกษา 1 ฉบับ ที่มีข้อมูลสำหรับสตรี 73 คนถูกรวมในการเปรียบเทียบนี้ สตรีที่เป็นโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่เข้ารับการผ่าตัดตั้งแต่การผ่าตัดเยื่อบุโพรงมดลูกเล็กๆ น้อยๆ ไปจนถึงการตัดมดลูก สตรีจำนวนมากที่รวมอยู่ในการศึกษานี้ได้รับการผ่าตัดก่อนหน้านี้สำหรับโรคที่เป็น สำหรับผลลัพธ์ส่วนใหญ่ อัตราเหตุการณ์ต่ำ และขนาดกลุ่มตัวอย่างไม่เพียงพอที่จะตรวจหาความแตกต่างที่อาจเกิดขึ้นระหว่างกลุ่ม

บันทึกการแปล: 

แปลโดย พญ.วิลาสินี หน่อแก้ว Edit โดย ผกากรอง 1 ธันวาคม 2022

Tools
Information