ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ยาโปรเจสโตเจนชนิดรับประทานและชนิดห่วงใส่โพรงมดลูกสำหรับภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวผิดปกติแบบ atypical (atypical endometrial hyperplasia)

คำถามของการทบทวนวรรณกรรม

นักวิจัยของ Cochrane ศึกษาประสิทธิภาพและความปลอดภัยของยาโปรเจสโตเจนชนิดรับประทานและชนิดห่วงใส่โพรงมดลูกสำหรับความผิดปกติของเยื่อบุโพรงมดลูกระยะก่อนเป็นมะเร็ง คือภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวผิดปกติ

ที่มาและความสำคัญของปัญหา

ยาโปรเจสโตเจนชนิดรับประทาน ถูกใช้เป็นการรักษาแบบอนุรักษ์ (ไม่ต้องผ่าตัด) ในสตรีอายุน้อยที่มีเยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวผิดปกติแบบ atypical อย่างไรก็ตาม ยาโปรเจสโตเจนชนิดรับประทานทำให้เกิดผลข้างเคียงที่อาจจำกัดประสิทธิภาพโดยรวมของยาได้ ยาโปรเจสโตเจนชนิดห่วงใส่โพรงมดลูก (levonorgestrel-releasing intrauterine system;LNG-IUS) เชื่อว่าช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดเยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวได้ และมีการศึกษาวิจัยว่ายานี้อาจจะเหมาะสมสำหรับใช้เป็นการรักษาแบบอนุรักษ์ ดังนั้น จึงมีความสำคัญในการประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัยของ LNG-IUS ในการใช้รักษาภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวผิดปกติแบบ atypical

ลักษณะของการศึกษา

การทบทวนวรรณกรรมนี้พบงานวิจัยที่เป็นการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มเปรียบเทียบ (RCT) หนึ่งงานวิจัย ซึ่งเปรียบเทียบ LNG-IUS กับยาโปรเจสโตเจนชนิดรับประทาน ในสตรีที่มีภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวผิดปกติชนิดใดๆก็ตาม เป็นการศึกษาในนอรเวย์ ในสตรี 153 ราย แต่มีเพียง 19 รายที่มีผลชิ้นเนื้อยืนยันการวินิจฉัยว่าเป็น เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวผิดปกติชนิด atypical; สตรีรายอื่นวินิจฉัยชนิดอื่นๆของเยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวผิดปกติ หลักฐานที่มีอยู่เป็นปัจจุบันจนถึงเดือนกรกฎาคม 2018

ผลการศึกษาที่สำคัญ

RCT ในรีวิวนี้ เปรียบเทียบ LNG-IUS กับยาโปรเจสโตเจนชนิดรับประทาน (Medroxyprogesterone acetate;MPA) สำหรับรักษาภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวผิดปกติ หลังจากหกเดือนของการรักษา มีหลักฐานไม่เพียงพอในการกำหนดว่า มีความแตกต่างกันหรือไม่ระหว่างกลุ่มที่ใช้ LNG-IUS กับ MPA อัตราการถดถอยของโรคเป็น 100% ในกลุ่ม LNG-IUS (n = 6/6) และ 77% ในกลุ่ม MPA (n = 10/13) ระหว่างประชากรที่ศึกษาทั้งหมดนั้น (N = 153) ในช่วงการรักษาตลอด 6 เดือน ผลข้างเคียงหลักคืออาการคลื่นไส้และเลือดออกทางช่องคลอด ไม่มีหลักฐานว่ามีความแตกต่างระหว่างการรักษาต่อการเกิดอาการคลื่นไส้ แต่เลือดออกทางช่องคลอดพบมากกว่าในกลุ่มที่ใช้ LNG-IUS

คุณภาพของหลักฐาน

คุณภาพของหลักฐานอยู่ในระดับต่ำ หรือต่ำมากสำหรับผลลัพธ์ทั้งหมด การศึกษาในรีวิวนี้มีความเสี่ยงของอคติต่ำ แต่คุณภาพของหลักฐานถูกจำกัดอย่างมาก โดย imprecision และ indirectness

บทนำ

มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกเป็นมะเร็งนรีเวชที่พบมากที่สุดในโลก และพัฒนามาจากภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวผิดปกติ โรคเยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวผิดปกติชนิด atypical ถือเป็นระยะก่อนเป็นมะเร็งและสามารถพัฒนาไปเป็นมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกได้ และมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในคนอายุน้อย ยาโปรเจสโตเจนชนิดรับประทาน ถูกใช้เป็นการรักษาแบบอนุรักษ์ (ไม่ต้องผ่าตัด) ในสตรีอายุน้อยที่มีเยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวผิดปกติ แต่ทำให้เกิดผลข้างเคียงที่อาจจำกัดประสิทธิภาพโดยรวมของยาได้ ดังนั้น จึงมีความสำคัญและจำเป็นในการค้นหาการรักษาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ซึ่งผู้ป่วยสามารถทนต่อยาและผลข้างเคียงเกิดน้อยกว่าตัวเลือกที่มีอยู่ในปัจจุบัน LNG-IUS ถูกใช้ในการป้องกันเยื่อบุโพรงมดลูกในสตรีที่เป็นมะเร็งเต้านมซึ่งได้รับยา tamoxifen ความสามารถในการยับยั้งการเจริญของเยื่อบุโพรงมดลูกของ levonorgestrel เชื่อว่าช่วยลดความเสี่ยงของโรคเยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวผิดปกติได้

วัตถุประสงค์

เพื่อประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัยของ LNG-IUS และยาโปรเจสโตเจนชนิดรับประทานในการใช้รักษาภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวผิดปกติ

วิธีการสืบค้น

ในเดือนกรกฎาคม 2018 ผู้รีวิวได้ค้นหาหลักฐานจาก CENTRAL; MEDLINE; Embase; CINAHL, PsycINFO and the China National Knowledge Infrastructure Cochrane Gynaecology and Fertility (CGF) Specialised Register and Embase ถูกค้นในเดือน พฤศจิกายน 2018 ผู้รีวิวพยายามค้นหาหลักฐานงานวิจัยจากเอกสารอ้างอิงในวิจัยที่ตีพิมพ์ นอกจากนี้เรายังค้นหางานวิจัยที่กำลังศึกษาจาก clinical trial registries ด้วย

เกณฑ์การคัดเลือก

การทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มเปรียบเทียบ ของยาโปรเจสโตเจนชนิดรับประทานและชนิดห่วงใส่โพรงมดลูก (LNG-IUS) เทียบกันหรือเทียบกับยาหลอกในสตรีที่มีผลชิ้นเนื้อยืนยันว่ามีภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวผิดปกติที่มี atypical cells

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล

ผู้รีวิวสองคนประเมินการศึกษาเพื่อนำเข้ามาทบทวน ตรวจสอบอคติและประเมินคุณภาพอย่างอิสระต่อกัน คัดลอกและตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่รวบรวมได้ ตัวชี้วัดหลักของการรีวิวคืออัตราการถดถอยของโรคและผลข้างเคียงของการรักษา ตัวชี้วัดรองคืออัตราของการเกิดซ้ำและสัดส่วนของสตรีที่ได้รับการตัดมดลูก เราได้ใช้วิธีเกรด (GRADE) ในการตัดสินคุณภาพของหลักฐานงานวิจัย

ผลการวิจัย

เรารวมหนึ่งการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มเปรียบเทียบ (สตรี 153 ราย ) ซึ่งเปรียบเทียบระหว่าง LNG-IUS ที่มี levonorgestrel 20 ไมโครกรัมต่อวัน เทียบกับ ยา Medroxyprogesterone acetate (MPA) ชนิดรับประทานวันละ 10 mg ทั้งแบบต่อเนื่องหรือแบบเป็นรอบ สำหรับการรักษาโรคเยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวผิดปกติชนิดใดก็ตาม มีสตรีเพียง 19 รายที่มีผลชิ้นเนื้อยืนยันการวินิจฉัยว่าเป็น เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวผิดปกติชนิด atypical ก่อนการรักษา คุณภาพของหลักฐานการศึกษาอยู่ในระดับต่ำหรือต่ำมาก การศึกษาในรีวิวนี้มีความเสี่ยงของอคติต่ำ แต่คุณภาพของหลักฐานถูกจำกัดอย่างมาก โดย imprecision และ indirectness เราไม่พบ RCTS ใดๆ ที่เปรียบเทียบ LNG-IUS หรือโปรเจสโตเจนชนิดรับประทานเมื่อเทียบกับยาหลอกในสตรีที่มีโรคเยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวผิดปกติ

ในสตรี 19 รายที่มี atypical complex hyperplasia หลังจากหกเดือนของการรักษา มีหลักฐานไม่เพียงพอในการสรุปว่า มีความแตกต่างกันหรือไม่ในอัตราการถดถอยของโรคระหว่างกลุ่มที่ใช้ LNG-IUS กับ MPA (odds ratio (OR) 2.76, 95% confidence interval (CI) 0.26 to 29.73; 1 RCT subgroup, สตรี 19 ราย, หลักฐานคุณภาพต่ำมาก) อัตราการถดถอยของโรคเป็น 100% ในกลุ่ม LNG-IUS (n = 6/6) และ 77% ในกลุ่ม MPA (n = 10/13)

ระหว่างประชากรที่ศึกษาทั้งหมดนั้น (N = 153) ในช่วงการรักษาตลอด 6 เดือน ผลข้างเคียงหลักคืออาการคลื่นไส้และเลือดออกทางช่องคลอด ไม่มีหลักฐานของความแตกต่างระหว่างกลุ่มต่อการเกิดอาการคลื่นไส้ (OR 0.58, 95% CI 0.28 to 1.18; 1 RCT, สตรี 153 ราย, หลักฐานคุณภาพต่ำมาก) เลือดออกทางช่องคลอดพบมากกว่าในกลุ่ม LNG-IUS (OR 2.89, 95% CI 1.11 to 7.52; 1 RCT, สตรี 153 ราย, หลักฐานคุณภาพต่ำ) นอกเหนือไปจากอาการคลื่นไส้และเลือดออกทางช่องคลอด ไม่มีรายงานผลข้างเคียงอื่น ๆ

ข้อสรุปของผู้วิจัย

เราไม่พบ RCT ที่ทำเฉพาะในสตรีที่มีเยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวผิดปกติชนิด atypical และสิ่งที่พบในรีวิวมาจากสตรี 19 รายซึ่งเป็นกลุ่มย่อยใน RCT หนึ่ง สตรีทั้งหกรายซึ่งใช้ LNG-IUS มีความถดถอยของภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวผิดปกติ แต่ไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะสรุปเกี่ยวกับประสิทธิภาพระหว่าง LNG-IUS เทียบกับยาโปรเจสโตเจนชนิดรับประทาน (MPA) ในสตรีกลุ่มนี้ เมื่อประเมินสตรีที่มีภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวผิดปกติชนิดใดก็ตาม ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนของความแตกต่างระหว่าง LNG-IUS และยาโปรเจสโตเจนชนิดรับประทาน (MPA) ต่อการเกิดอาการคลื่นไส้ แต่เลือดออกทางช่องคลอดมักจะเกิดในสตรีที่ใช้ LNG-IUS มากกว่า MPA มีความจำเป็นที่จะมีการศึกษาขนาดใหญ่เพื่อประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัยของ LNG-IUS และยาโปรเจสโตเจนชนิดรับประทานในการใช้รักษาภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวผิดปกติ

บันทึกการแปล

ผู้แปล พญ.นันทสิริ เอี่ยมอุดมกาล ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 10 มีนาคม 2562

Citation
Luo L, Luo B, Zheng Y, Zhang H, Li J, Sidell N. Oral and intrauterine progestogens for atypical endometrial hyperplasia. Cochrane Database of Systematic Reviews 2018, Issue 12. Art. No.: CD009458. DOI: 10.1002/14651858.CD009458.pub3.