ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

การผ่าตัดแบบส่องกล้องเทียบกับการผ่าตัดแบบเปิดสำหรับโรคถุงผนังลำไส้อักเสบเฉียบพลันที่บริเวณลำไส้ส่วนคด

ความเป็นมา

โรคถุงผนังลำไส้เป็นภาวะที่ผนังลำไส้ชั้นใน (เยื่อบุผิว) ยื่นออกมาผ่านจุดที่เปราะบางในชั้นกล้ามเนื้อของผนังลำไส้ ทำให้เกิดถุงเล็กๆ (diverticula) ที่โป่งออกมาจากลำไส้ใหญ่ การอักเสบของถุงผนังลำไส้จึงนิยามว่าโรคถุงผนังลำไส้อักเสบ โรคถุงผนังลำไส้อักเสบพบบ่อยที่ลำไส้ใหญ่ส่วนลำไส้คดมากกว่าในบริเวณอื่นๆ ของลำไส้ใหญ่ ในประเทศตะวันตก โรคถุงผนังลำไส้เป็นโรคที่พบได้ทั่วไป พบได้ประมาณ 60% ในกลุ่มประชากรที่มีอายุมากกว่า 70 ปี ประชากรที่มีโรคถุงผนังลำไส้ส่วนมากไม่มีอาการ หรือมีเพียงอาการปวดเล็กน้อยในบริเวณท้องส่วนล่าง ร่วมกับมีนิสัยการขับถ่ายเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ประชากรที่มีโรคถุงผนังลำไส้อักเสบแบบเฉียบพลันอาจมีอาการปวดที่บริเวณท้องส่วนล่างและมีอาการอื่น ๆ เช่น มีไข้ คลื่นไส้ อาเจียน และหนาวสั่น โดยทั่วไปโรคถุงผนังลำไส้อักเสบจะรักษาแบบไม่ผ่าตัดด้วยยาปฏิชีวนะและการปรัปเปลี่ยนอาหาร อย่างไรก็ตาม สำหรับประชากรที่มีอาการปวดท้องเป็นซ้ำหลายครั้ง หรือมีภาวะแทรกซ้อน ต้องทำการผ่าตัดส่วนลำไส้ที่มีรอยโรคออก ซึ่งสามารถทำได้โดยวิธีการผ่าตัดแบบเปิดหรือการผ่าตัดแบบส่องกล้อง

ในกรณีผ่าตัดแบบเปิด จะมีแผลผ่าตัดขนาดใหญ่ที่บริเวณกลางท้องเพื่อเข้าสู่พื้นที่ในช่องท้อง แต่การผ่าตัดแบบส่องกล้อง จะทำเฉพาะแผลเล็กๆ ที่ผนังหน้าท้อง (โดยปกติยาว 5-12 มม.) เท่านั้น เพื่อทำการใส่ gas laparoscopic parietal cannulas (ท่อที่สอดเข้าไปในร่างกาย) ได้ ซึ่งจะช่วยให้สามารถเข้าถึงพื้นที่ในช่องท้องได้โดยใช้เครื่องมือผ่าตัดของการผ่าตัดแบบส่องกล้องที่มีด้ามยาว ซึ่งใช้ภายใต้การผ่านกล้องส่องของการผ่าตัดแบบส่องกล้อง Laparoscopic parietal cannula เป็นเครื่องมือผ่าตัดที่มีปลายแหลมที่ประกอบได้พอดีกับท่อเพื่อใช้ในการเจาะเข้าไปในช่องว่างภายในตัวผู้ป่วยเพื่อที่จะนำท่อเข้าไป

การทบทวนวรรณกรรมนี้พิจารณาว่า การผ่าตัดผ่านกล้องมีประสิทธิผลดีกว่าและ/หรือปลอดภัยกว่าการผ่าตัดแบบเปิดหรือไม่ สำหรับการรักษาผู้ป่วยโรคถุงผนังลำไส้อักเสบที่ลำไส้ใหญ่ส่วนคดในรายที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด หรือไม่

ลักษณะของการศึกษา

พบการทดลอง 3 ฉบับที่เปรียบเทียบประสิทธิผลของการผ่าตัดแบบส่องกล้องกับการผ่าตัดแบบเปิด การศึกษาเหล่านี้รวบรวมผู้เข้าร่วมโครงการทั้งหมด 392 ราย (195 รายในกลุ่มการผ่าตัดแบบส่องกล้องเทียบกับ 197 รายในกลุ่มการผ่าตัดแบบเปิด) วิธีการที่ใช้ในการจัดสรรผู้เข้าร่วมโครงการเป็นการสุ่ม ซึ่งก็คือ การรักษาที่ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับนั้นจะถูกกำหนดโดยวิธีการที่คล้ายกับการทอยเหรียญ ดังนั้น ทั้งสองกลุ่มจึงมีความคล้ายคลึงกันมากที่สุดเท่าที่สามาถทำได้

ผลการค้นพบที่สำคัญ

พบว่าการผ่าตัดแบบส่องกล้องอาจทำให้ระยะเวลาในการพักรักษาในโรงพยาบาลแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยหรือไม่แตกต่างเลยเมื่อเปรียบเทียบกับการผ่าตัดแบบเปิด ในกลุ่มที่ทำการผ่าตัดแบบส่องกล้องจะใช้เวลาผ่าตัดนานกว่าโดยเฉลี่ย 49 นาที ไม่มีความแตกต่างสำคัญในแง่ของอัตราการเสียชีวิตหลังผ่าตัด 30 วัน, ความเจ็บป่วยโดยรวมในระยะแรก, ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงและภาวะแทรกซ้อนที่ไม่รุนแรง, ภาวะแทรกซ้อนของการผ่าตัด, ระยะเวลาหลังผ่าตัดในการเริ่มรับประทานอาหารเหลวและแข็ง, และการผ่าตัดซ้ำเนื่องจากการรั่วของบริเวณที่ทำการตัดต่อลำไส้ เพื่อประเมินคุณภาพชีวิต นักวิจัยใช้มาตรวัดที่แตกต่างกันในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน แม้ว่าจะมีการทดลอง 1 ฉบับที่รายงานว่าผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดแบบส่องกล้องมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า แต่การทดลองอีก 2 ฉบับไม่ได้แสดงให้เห็นประโยชน์ทั้งในการผ่าตัดแบบส่องกล้องและการผ่าตัดแบบเปิด

คุณภาพของหลักฐาน

คุณภาพของหลักฐานแตกต่างกันตั้งแต่ต่ำจนถึงต่ำมากเนื่องจาก ความเสี่ยงของการมีอคติ (กล่าวคือ ข้อสรุปอาจมีการประเมินประโยชน์ที่มากเกินจริงหรือมีการประเมินอันตรายที่ต่ำกว่าความเป็นจริงไปเนื่องจากการออกแบบการศึกษาวิจัยและดำเนินการศึกษาวิจัยที่มีอคติ) และข้อจำกัดในตัวอย่างประชากรของกลุ่มตัวอย่าง จำเป็นต้องมีการทดลองที่ออกแบบมาอย่างดีเพื่อการประเมินที่แม่นยำยิ่งขึ้นว่าประโยชน์และความปลอดภัยของการผ่าตัดแบบส่องกล้องเทียบว่ามากกว่าการผ่าตัดแบบเปิด

บทนำ

โรคกระเปาะที่ลำไส้ใหญ่เป็นภาวะที่พบได้ทั่วไปในประเทศอุตสาหกรรมตะวันตก ส่วนใหญ่จะไม่มีอาการใด ๆ ตลอดชีวิต อย่างไรก็ตาม 25% จะเกิดเป็นโรคถุงผนังลำไส้อักเสบเฉียบพลัน การรักษาตามมาตรฐานสำหรับโรคถุงผนังลำไส้อักเสบเฉียบพลันคือการผ่าตัดแบบเปิด การผ่าตัดแบบส่องกล้อง หรือ การผ่าตัดผ่านกล้องแผลเล็ก ถือเป็นการรักษาทางเลือกแทนการผ่าตัดแบบเปิด โดยมีลักษณะที่ลดความเครียดระหว่างการผ่าตัด ส่งผลให้ระยะเวลานอนโรงพยาบาลสั้นลง และฟื้นตัวได้เร็วขึ้น รวมถึงมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วย

วัตถุประสงค์

เพื่อประเมินประสิทธิผลของการผ่าตัดแบบส่องกล้องเปรียบเทียบกับการผ่าตัดแบบเปิดในผู้ป่วยโรคถุงผนังลำไส้อักเสบเฉียบพลันที่ลำไส้ใหญ่ส่วนคด

วิธีการสืบค้น

ผู้ประพันธ์ทำทำการสืบค้นฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ต่อไปนี้: Cochrane Central Register of Controlled Trials (CENTRAL; 2017, Issue 2) in the Cochrane Library; Ovid MEDLINE (1946 to 23 February 2017); Ovid Embase (1974 to 23 February 2017); clinicaltrials.gov (February 2017); and the World Health Organization (WHO) International Clinical Trials Registry (February 2017) ผู้ประพันธ์ได้ทำการทบทวนวรรณกรรม บรรณานุกรมของการทดลองที่พบเพื่อค้นหาการศึกษาวิจัยเพิ่มเติม

เกณฑ์การคัดเลือก

ผู้ประพันธ์ได้รวบรวมการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุมที่เปรียบเทียบการผ่าตัดลำไส้ใหญ่ส่วนคดทั้งที่เป็นการผ่าตัดไม่เร่งด่วนและการผ่าตัดฉุกเฉิน โดยเปรียบเทียบระหว่างการผ่าตัดแบบส่องกล้องกับการผ่าตัดแบบเปิดในการรักษาโรคถุงผนังลำไส้อักเสบที่ลำไส้ใหญ่ส่วนคดแบบเฉียบพลัน

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล

ผู้ประพันธ์การทบทวน 2 คนเลือกการศึกษาโดยอิสระ เพื่อประเมินความเสี่ยงของการมีอคติ จากการทดลองแต่ละรายการ และดึงข้อมูลจากการศึกษาที่รวบรวมมา สำหรับผลลัพธ์แบบ Dichotomous จะคำนวณอัตราส่วนความเสี่ยงและช่วงความเชื่อมั่น 95% สำหรับผลลัพธ์แบบต่อเนื่อง วางแผนที่จะคำนวณค่าเฉลี่ยของผลต่าง (mean differences; MDs) ด้วยช่วงความเชื่อมั่น 95% สำหรับผลลัพธ์ เช่น การพักรักษาตัวในโรงพยาบาล และผลต่างค่าเฉลี่ยมาตรฐาน (standardised mean differences; SMDs) ด้วยช่วงความเชื่อมั่น 95% สำหรับคุณภาพชีวิตและ Global rating scales หากนักวิจัยใช้มาตราส่วนที่แตกต่างกัน

ผลการวิจัย

การทดลอง 3 ฉบับที่มีผู้เข้าร่วมโครงการรวม 392 คน ผ่านเกณฑ์การการคัดเลือกการศึกษา การศึกษาได้ดำเนินการใน 3 ประเทศในยุโรป (สวิตเซอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ และเยอรมนี) ค่ามัธยฐานของอายุผู้เข้าร่วมอยู่ระหว่าง 62 ถึง 66 ปี โดย 53% ถึง 64% เป็นผู้หญิง เกณฑ์การคัดเลือกผู้เข้าร่วมการวิจัยแตกต่างกันไปในแต่ละการศึกษา การทดลอง 1 ฉบับ รวมผู้เข้าร่วมที่มีลักษณะของ Hinchey I เช่นเดียวกับผู้ที่ได้เข้ารับการผ่าตัด Hartmann‘s procedure การทดลองฉบับที่ 2 รวมเฉพาะผู้เข้าร่วมที่มี "โรคระยะ II หรือ III ตาม Classification of Stock and Hansen" การทดลองฉบับที่ 3 พิจารณาสำหรับผู้ป่วยที่มี "โรคถุงผนังลำไส้ใหญ่ส่วนคด ที่ได้รับการส่องกล้องลำไส้ใหญ่และมีอาการของโรคถุงผนังลำไส้อักเสบแบบไม่มีภาวะแทรกซ้อน 2 ครั้ง โดยอย่างน้อย 1 ครั้งได้รับการตรวจด้วยการเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือ อาการของโรคถุงผนังลำไส้อักเสบแบบมีภาวะแทรกซ้อน 1 ครั้ง โดนเป็นแบบมีฝีรอบลำไส้ใหญ่ (Hinchey ระยะ I) หรือฝีในอุ้งเชิงกราน (Hinchey ระยะ II) ที่จำเป็นต้องระบายหนองผ่านผิวหนัง

มีการศึกษา 2 ฉบับที่มีความเสี่ยงของการมีอคติต่ำในการคัดเลือกผู้เข้าร่วมโครงการ (selection bias) มีการศึกษา 2 ฉบับ ที่รายงานว่ามีผู้เข้าร่วมออกจากการศึกษาเป็นจำนวนมาก ไม่มีการศึกษาใดรายงานการปกปิดข้อมูลต่อผู้ประเมินผลลัพธ์ (ซึ่งทำให้มีความเสี่ยงของการมีอคติในการประเมินผลลัพธ์ที่ไม่ชัดเจน-unclear detection bias) และ การศึกษาทั้งหมดมีความเสี่ยงของการมีอคติในการปฏิบัติต่อผู้เข้าร่วมโครงการ (performance bias) เนื่องจากลักษณะของการแทรกแซง (intervention)

หลักฐานคุณภาพต่ำที่มีอยู่แนะนำว่าการผ่าตัดแบบส่องกล้องอาจทำให้ระยะเวลาในการพักรักษาในโรงพยาบาลแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยหรือไม่ความแตกต่างเลยเมื่อเปรียบเทียบกับการผ่าตัดแบบเปิด (การศึกษา 3 ฉบับ ผู้เข้าร่วมรวม 360 ราย; MD -0.62 (วัน) 95% CI -2.49 ถึง 1.25; I² = 0%)

หลักฐานคุณภาพต่ำแนะนำว่าระยะเวลาในการผ่าตัดในกลุ่มการผ่าตัดแบบส่องกล้องนานกว่ากลุ่มการผ่าตัดแบบเปิด (การศึกษา 3 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 360 ราย; MD 49.28 (นาที) 95% CI 40.64 ถึง 57.93; I² = 0%)

ยังไม่แน่ใจว่าการผ่าตัดผ่านกล้องช่วยลดอาการปวดหลังผ่าตัดในช่วงวันที่ 1 ถึงวันที่ 3 ได้ดีกว่าการผ่าตัดแบบเปิดหรือไม่ หลักฐานคุณภาพต่ำแนะนำว่าการผ่าตัดผ่านกล้องอาจช่วยลดอาการปวดหลังผ่าตัดในวันที่ 4 หลังผ่าตัดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าการผ่าตัดแบบเปิด (การศึกษา 2 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 250 ราย; MD = -0.65, 95% CI -1.04 ถึง -0.25)

นักวิจัยรายงานว่าคุณภาพชีวิตแตกต่างกันไปในแต่ละการทดลอง ซึ่งทำให้การวิเคราะห์แบบอภิมานเป็นไปได้ยาก หลักฐานคุณภาพต่ำจากการทดลอง 1 ฉบับ ซึ่งใช้แบบสอบถาม Short Form (SF)-36, 6 สัปดาห์หลังการผ่าตัดชี้ให้เห็นว่า วิธีการวิธีการผ่าตัดแบบส่องกล้องอาจช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตได้ ในขณะที่หลักฐานจากการทดลองอื่นอีก 2 ฉบับ ซึ่งใช้แบบสอบถาม European Organization for Research and Treatment of Cancer core quality of life (EORTC QLQ-C30) v3 และ Gastrointestinal Quality of Life Index score ตามลำดับ แสดงให้เห็นว่าการผ่าตัดแบบส่องกล้องอาจเพิ่มคุณภาพชีวิตเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยเมื่อเทียบกับการผ่าตัดแบบเปิด

ผู้ประพันธ์ยังไม่แน่ใจว่าการผ่าตัดผ่านกล้องจะช่วยให้ผลลัพธ์ดังต่อไปนี้ดีขึ้นหรือไม่ อัตราการเสียชีวิตหลังการผ่าตัด 30 วัน, การเจ็บป่วยโดนรวมในระยะแรก, ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงและภาวะแทรกซ้อนที่ไม่รุนแรง, ภาวะแทรกซ้อนของการผ่าตัด, ระยะเวลาหลังการผ่าตัดในการเริ่มรับประทานอาหารเหลวและแข็ง, และการผ่าตัดซ้ำเนื่องจากการรั่วของบริเวณที่ทำการตัดต่อลำไส้

ข้อสรุปของผู้วิจัย

ผลลัพธ์จากการทบทวนวรรณกรรมในปัจจุบันบ่งชี้ว่าหลักฐานที่สนับสนุนหรือหักล้างความปลอดภัยและประสิทธิผลของการผ่าตัดแบบส่องกล้องเทียบกับการผ่าตัดแบบเปิดเพื่อรักษาผู้ป่วยที่มีโรคถุงผนังลำไส้อักเสบแบบเฉียบพลันนั้นไม่เพียงพอ จำเป็นต้องมีการทดลองที่ออกแบบมาอย่างดีโดยมีขนาดตัวอย่างที่เพียงพอเพื่อตรวจสอบประสิทธิผลของการผ่าตัดแบบส่องกล้องต่อทั้งผลลัพธ์ที่เน้นไปที่ผู้ป่วย (เช่น ความเจ็บปวดหลังผ่าตัด) และผลลัพธ์ที่เน้นไปที่ระบบสุขภาพ (เช่น ระยะเวลาเฉลี่ยในการนอนโรงพยาบาลโดย)

บันทึกการแปล

แปลโดย นสพ. นิธิกร ชิดเชื้อ คณะแพทย์ศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 12 พฤษภาคม 2025

Citation
Abraha I, Binda GA, Montedori A, Arezzo A, Cirocchi R. Laparoscopic versus open resection for sigmoid diverticulitis. Cochrane Database of Systematic Reviews 2017, Issue 11. Art. No.: CD009277. DOI: 10.1002/14651858.CD009277.pub2.