การให้ยาเคมีบำบัดเสริม (หลังการผ่าตัด) สำหรับมะเร็งรังไข่ชนิดเยื่อบุผิวระยะเริ่มต้น

เรื่องนี้มีประเด็นอย่างไร

การรักษาอันดับแรกมะเร็งรังไข่ (OC) คือการผ่าตัดเอาเนื้อเยื่อมะเร็งออก สิ่งนี้ยังเป็นการทำเพื่อบอกระยะของโรค การผ่าตัดมะเร็งรังไข่ควนคำนึงถึงการผ่าตัดเพื่อเอามะเร็งออกให้เหลือน้อยที่สุด (ไม่เหลือมะเร็งเลย) ซึ่งรวมการเอามดลูก ท่อนำไข่ และรังไข่ออก รวมทั้งการกำจัดไขมันที่คลุมลำไส้ (โอเมนตัม) และการเก็บตัวอย่างน้ำในช่องท้อง อุ้งเชิงกราน และการเลาะต่อมน้ำเหลือง pelvic และ para-aortic ผนังด้านข้างของกระดูกเชิงกรานและช่องพาราโคลิค และกระบังลม มะเร็งรังไข่ยังได้รับการแบ่งเป็นเกรด 1, 2 หรือ 3 (ดี- ปานกลาง- หรือรุนแรง) โดยมะเร็งรังไข่ที่ดี (เกรด 1) มีความสัมพันธ์กับการพยากรณ์โรคที่ดีที่สุด หลังการผ่าตัด สตรีส่วนใหญ่ที่เป็นโรคมะเร็งรังไข่จะได้รับเคมีบำบัดแบบเสริม (เพิ่มเติม) ด้วยยาที่มีส่วนผสมของแพลตตินัม อย่างไรก็ตาม ในอดีต สตรีที่มีระยะ Ia และ Ib ไม่เคยได้รับเคมีบำบัดเป็นประจำ เนื่องจากความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนจากการรักษาอาจมากกว่าผลประโยชน์ในการรอดชีวิต

นี่คือการปรับปรุงของ Cochrane review เวอร์ชันก่อนหน้า ซึ่งพบว่าผู้ที่เป็นมะเร็งรังไข่ระยะเริ่มต้นที่ได้รับเคมีบำบัดแบบเสริม (AC) มีอายุยืนยาวกว่าสตรีที่ไม่ได้รับ และใช้เวลานานกว่าที่โรคจะกลับมาเป็นอีกหลังการรักษาครั้งแรก

เราทำอะไร

เรารวมการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มเปรียบเทียบ (RCTs) ของ AC กับการสังเกต หลังการผ่าตัดในสตรีที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งรังไข่ระยะเริ่มต้นและรวบรวมข้อมูลผลการศึกษาตามความเหมาะสม

เราพบหลักฐานอะไร

เราค้นหาเอกสารจนถึงวันที่ 24 มีนาคม 2015 และรวม 5 การทดลอง เกี่ยวกับสตรี 1277 ราย ที่เป็นมะเร็งรังไข่ระยะแรกในการทบทวน และ 4 การทดลองที่มีคุณภาพดี มีส่วนสนับสนุนข้อมูล สตรีส่วนใหญ่ (มากกว่า 95%) เป็นมะเร็งรังไข่ระยะที่ 1 สำหรับการปรับปรุงครั้งนี้ เราพบการศึกษาที่ตีพิมพ์เพิ่มเติมเกี่ยวกับผลการติดตาม 10 ปีจากการทดลองที่รวมอยู่ในการทบทวนวรรณกรรมแล้ว แต่ไม่พบการทดลองใหม่ เราพบหลักฐานคุณภาพสูงที่ระบุว่าสตรีที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งรังไข่ระยะเริ่มต้นที่ได้รับ AC หลังการผ่าตัดเพื่อกำจัดโรคและระยะของโรคที่มีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตภายใน 10 ปีต่ำกว่าสตรีที่ไม่ได้รับ AC (กลุ่มสังเกตการณ์) และมีความเสี่ยงต่ำกว่าที่มะเร็งจะกลับมาเป็นซ้ำใน 10 ปีหลังการรักษา (ดูแผนภาพ รูปที่ 4 ถึง 7) หลักฐานคุณภาพต่ำชี้ให้เห็นว่าสตรีที่เป็นโรคที่มีความเสี่ยงสูงอาจได้รับผลประโยชน์จาก AC มากขึ้น แต่เราไม่สามารถยกเว้นผลประโยชน์ในการรอดชีวิตสำหรับโรคในระยะเริ่มแรกอื่นๆ ได้ เราพบข้อมูลไม่เพียงพอที่จะเปรียบเทียบเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์และความเสี่ยงในระยะยาวระหว่างกลุ่มที่ได้รับเคมีบำบัดและกลุ่มสังเกตการณ์

สิ่งนี้หมายความว่าอะไร

ในมะเร็งรังไข่ระยะแรก AC ช่วยเพิ่มอัตราการรอดชีวิตและลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งรังไข่ซ้ำเมื่อเปรียบเทียบกับไม่ได้รับ AC ดังนั้นควรพิจารณา AC ในโรคระยะเริ่มต้นในสตรีทุกคน อย่างไรก็ตาม ยังคงไม่แน่ชัดว่าสตรีที่เป็นโรคในระยะเริ่มต้นที่มีความเสี่ยงต่ำจะได้รับประโยชน์อย่างมากจาก AC และการตัดสินใจใช้ AC ควรคำนึงถึงความไม่แน่นอนนี้และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์

ข้อสรุปของผู้วิจัย: 

หลักฐานคุณภาพสูงบ่งชี้ว่าการรักษาด้วยเคมีบำบัดแบบเสริมด้วยแพลตตินัมมีประสิทธิภาพในการยืดอายุการรอดชีวิตในสตรีที่เป็นมะเร็งรังไข่เยื่อบุผิวในระยะเริ่มต้น (FIGO stage I/IIa) ยังคงไม่แน่ชัดว่าสตรีที่เป็นโรคในระยะเริ่มต้นที่มีความเสี่ยงต่ำและปานกลางจะได้รับประโยชน์จากเคมีบำบัดแบบเสริมมากพอๆ กับสตรีที่เป็นโรคที่มีความเสี่ยงสูงหรือไม่ การตัดสินใจใช้เคมีบำบัดแบบเสริม (adjuvant chemotherapy; AC) ในสตรีเหล่านี้ควรคำนึงถึงความไม่แน่นอนนี้และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ การรักษาสตรีที่เป็นโรคที่มีความเสี่ยงต่ำควรเป็นรายบุคคลโดยคำนึงถึงปัจจัยแต่ละอย่าง

อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
บทนำ: 

นี่เป็นการปรับปรุงครั้งที่สองของการทบทวนวรรณกรรมที่เผยแพร่ครั้งแรกใน Cochrane Database of Systematic Reviews ในปี 2009 ฉบับที่ 1 มะเร็งรังไข่ชนิดเยื่อบุผิวได้รับการวินิจฉัยในสตรีมากกว่า 200,000 คนทั่วโลกในแต่ละปี สตรี 10% ถึง 20% ได้รับการวินิจฉัยตั้งแต่เนิ่นๆ เมื่อการรักษายังให้ผลที่ดี การรักษาโรคระยะเริ่มต้น (stage I และ IIa) เกี่ยวข้องกับการผ่าตัดเพื่อขจัดโรค ตามด้วยเคมีบำบัด (เคมีบำบัดแบบเสริม) การทดลองทางคลินิกที่ใหญ่ที่สุดของเคมีบำบัดแบบเสริมแสดงให้เห็นถึงข้อได้เปรียบในการรอดชีวิตโดยรวม (overall survival; OS) ด้วยเคมีบำบัดชนิด Platinum base อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องกำหนดบทบาทและประเภทของการรักษานี้อย่างแม่นยำในกลุ่มย่อยของสตรีที่มีการพยากรณ์โรคต่างกัน

วัตถุประสงค์: 

เพื่อทบทวนหลักฐานสำหรับเคมีบำบัดแบบเสริมอย่างเป็นระบบในมะเร็งรังไข่ชนิดเยื่อบุผิวระยะเริ่มต้น เพื่อพิจารณาว่าเคมีบำบัดหลังการผ่าตัดมีประโยชน์ในการรอดชีวิตเหนือกว่าการสังเกตหลังการผ่าตัดหรือไม่ (ด้วยเคมีบำบัดที่สงวนไว้สำหรับการรักษาอาการกำเริบของโรค) และเพื่อตรวจสอบว่ากลุ่มย่อยทางคลินิกของสตรีที่มีการพยากรณ์โรคต่างกัน โดยพิจารณาจากชนิดย่อยทางจุลกายวิภาคหรือความสมบูรณ์ของขั้นตอนการผ่าตัด มีมากหรือน้อยที่จะได้รับจากเคมีบำบัดแบบเสริม

วิธีการสืบค้น: 

เราทำการค้นหาทางอิเล็กทรอนิกส์โดยใช้ Cochrane Gynecological Cancer Specialized Register, Cochrane Central Register of Controlled Trials (CENTRAL 2015, Issue 3), MEDLINE (1948 ถึงสัปดาห์ที่ 5 มีนาคม 2015) และ EMBASE (1980 ถึงสัปดาห์ที่ 14, 2015) เราพัฒนากลยุทธ์การค้นหาโดยใช้ free-text และหัวข้อเนื้อหาทางการแพทย์ (MeSH) นอกจากนี้เรายังค้นหาการลงทะเบียนของการทดลองทางคลินิกและรายการอ้างอิงของการศึกษาที่รวมไว้สำหรับการศึกษาที่อาจเกี่ยวข้อง

เกณฑ์การคัดเลือก: 

เรารวมการทดลองทางคลินิกแบบสุ่ม (RCTs) ของสตรีที่เป็นมะเร็งรังไข่ชนิดเยื่อบุผิวระยะเริ่มต้น (I/IIa) ที่ทำการผ่าตัดเปิดหน้าท้อง

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล: 

ผู้ทบทวนวรรณกรรม 2 คน ทำงานอย่างเป็นอิสระต่อกัน ในการรวบรวมข้อมูลและประเมินคุณภาพของการศึกษา กรณีมีความเห็นไม่ตรงกันได้มีปรึกษาหารือกับผู้ประพันธ์การทบทวนวรรณกรรมคนที่ 3 เราใช้วิธี random-effects สำหรับการวิเคราะห์อภิมานทั้งหมด รวมถึงการวิเคราะห์กลุ่มย่อย

ผลการวิจัย: 

ฉบับดั้งเดิมของการทบทวน Cochrane นี้รวม RCT 5 ฉบับที่เกี่ยวข้องกับสตรี 1277 คน ในการปรับปรุงวรรณกรรมปี 2015 ไม่มีการศึกษาใหม่ใดที่ตรงตามเกณฑ์การคัดเลือก แต่เราได้รวมเอกสารเพิ่มเติมที่มีข้อมูลที่ครบถ้วน (ติดตามผล 10 ปี) ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาที่รวมไว้ก่อนหน้านี้ (ICON1)

เรารวบรวม 4 การศึกษาในการวิเคราะห์เมตาและพิจารณาว่ามีความเสี่ยงของการมีอคติต่ำ ผู้เข้าร่วมการศึกษาส่วนใหญ่ (มากกว่า 95%) เป็นมะเร็งรังไข่ระยะที่ 1 การวิเคราะห์เมตต้าของข้อมูลในช่วงระยะเวลาห้าปีจากการศึกษาสามชิ้นระบุว่า สตรีที่ได้รับเคมีบำบัดแบบเสริมด้วยแพลตตินัมแบบเสริมมีอัตราการรอดชีวิตโดยรวม (OS) ที่ดีกว่าผู้ที่ไม่ได้รับ (Hazard ratio (HR) 0.71, 95% confidence interval (CI) 0.53 ถึง 0.93; สตรี 1008 คน; 3 การศึกษา; I² = 0% หลักฐานคุณภาพสูง) ในทำนองเดียวกัน การวิเคราะห์เมตต้าของข้อมูลในระยะเวลา 5 ปี จาก 4 การศึกษา พบว่า สตรีที่ได้รับเคมีบำบัดแบบเสริมมีอัตราการรอดชีวิตที่ปราศจากการกำเริบของโรค (PFS) ได้ดีกว่าผู้ที่ไม่ได้รับ (HR 0.67, 95% CI 0.53 ถึง 0.84; สตรี 1170 คน, 4 การศึกษา; I² สถิติ = 0% หลักฐานคุณภาพสูง) การค้นพบนี้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเวลาผ่านไป โดยมีค่าประมาณ HR 10 ปีที่ 0.72 (95% CI 0.57 ถึง 0.92; สตรี 925 คน, 2 การศึกษา) และ 0.67 (95% CI 0.53 ถึง 0.83; สตรี 925 คน, 2 การศึกษา) สำหรับ OS และ PFS ตามลำดับ (หลักฐานคุณภาพสูง ) ความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตในการติดตาม 10 ปีสนับสนุนการใช้เคมีบำบัดแบบเสริม (0.76, 95% CI 0.62 ถึง 0.94; สตรี 923 คน, 2 การศึกษา; I² = 0%) เช่นเดียวกับการค้นพบความเสี่ยงของการดำเนินโรคเมื่ออายุ 10 ปี ( RR 0.72, 95% CI 0.60 ถึง 0.87; สตรี 925 คน, 2 การศึกษา; สถิติI² = 0%) หลักฐานคุณภาพต่ำชี้ให้เห็นว่าสตรีที่เป็นโรคที่มีความเสี่ยงสูงอาจได้รับประโยชน์สูงสุดจากเคมีบำบัดแบบเสริม อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์กลุ่มย่อยไม่สามารถยืนยันประโยชน์ในการรอดชีวิตในโรคที่มีความเสี่ยงต่ำหรือในโรคระยะที่เหมาะสม เราพบข้อมูลไม่เพียงพอที่จะเปรียบเทียบเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์และความเสี่ยงในระยะยาวระหว่างกลุ่มที่ได้รับเคมีบำบัดและกลุ่มสังเกตการณ์

บันทึกการแปล: 

แปลโดย พญ.วิลาสินี หน่อแก้ว

Tools
Information