ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ยาที่ใช้ในการรักษาการเสียชีวิตของทารกในครรภ์ระยะแรก (น้อยกว่า 24 สัปดาห์)

เรื่องนี้มีประเด็นอย่างไร

การแท้ง คือการเสียชีวิตโดยธรรมชาติ และ/หรือการขับไล่ตัวอ่อนหรือทารกในครรภ์ออกจากมดลูกก่อนที่จะสามารถมีชีวิตอยู่ได้ด้วยตัวเอง การเสียชีวิตตามธรรมชาติของตัวอ่อนหรือทารกในครรภ์ ('การตั้งครรภ์ที่ไม่สามารถตั้งครรภ์ต่อได้' หรือ 'การเสียชีวิตของทารกในครรภ์' ขึ้นอยู่กับระยะเวลาของการตั้งครรภ์) สามารถวินิจฉัยได้ด้วยการอัลตราซาวนด์ก่อนที่จะมีอาการ เช่น การสูญเสียเลือด และมีอาการปวดท้องเกิดขึ้น บางครั้งตัวอ่อนอาจไม่พัฒนาด้วยซ้ำ ('ถุงการตั้งครรภ์ที่ว่างเปล่า') ในอดีตการรักษาภาวะการตั้งครรภ์ที่ไม่สมบูรณ์ คือไม่มีตัวอ่อน / ทารกในครรภ์ มักเป็นการรักษาตามวิธีทางศัลยกรรม คือ การขยายมดลูกและขูดมดลูก (D&C) แต่ปัจจุบันได้มีการพัฒนายาเพื่อทดแทนความจำเป็นในการผ่าตัด ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ในการทำให้เกิดการแท้งได้ ไมโซพรอสทอลและเจมพรอสต์ เป็นสารสังเคราะห์พรอสตาแกลนดินอี (synthetic prostaglandin E analogues) ที่สามารถกระตุ้นการขับตัวอ่อน/ทารกในครรภ์ออกจากมดลูก Mifepristone ขัดขวางการทำงานของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนซึ่งเป็นฮอร์โมนที่สนับสนุนการตั้งครรภ์ ยาเหล่านี้และยาที่คล้ายคลึงกัน อาจมีประโยชน์ในการทำให้เกิดการแท้งในสตรีที่ตั้งครรภ์ที่ทารกไม่มีชีวิตและสามารถใช้ได้ก่อนอายุครรภ์ 24 สัปดาห์

นอกจากนี้การรอ อาจจะทำให้เกิดการแท้งออกมาเองก็ได้ สตรีที่ไม่มีการแท้งของตัวอ่อน/ทารกในครรภ์ที่ตายแล้วอาจสูญเสียเลือดอย่างรุนแรงหรือเกิดการติดเชื้อในครรภ์ สิ่งเหล่านี้เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้น้อย มีรายงานผลข้างเคียงของระบบทางเดินอาหาร เช่น คลื่นไส้และท้องร่วง ตะคริวหรือปวดท้อง และมีไข้ จากไมโซพรอสทอล

ทำไมเรื่องนี้จึงมีความสำคัญ

การรักษาโดยวิธีทางศัลยกรรม มีข้อเสียคือ ต้องดมยาสลบ มีความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายต่อมดลูกหรือปากมดลูกและอาจเกิดการพัฒนาของเนื้อเยื่อเส้นใยที่เยื่อบุด้านในของมดลูก สิ่งเหล่านี้สามารถหลีกเลี่ยงได้หากการตั้งครรภ์ที่ไม่เป็นไปได้นั้นได้รับการรักษาด้วยยา หรือหากรอจนเกิดการแท้งเองได้

เราตั้งเป้าที่จะพิจารณาว่าการรักษาด้วยยานั้นดีเท่ากับหรือดีกว่าการรักษาด้วยวิธีการทางศัลยกรรมหรือการรอ (รอให้การแท้งเกิดขึ้นเอง) นอกจากนี้เราได้เปรียบเทียบปริมาณและการบริหารยา ที่แตกต่างกัน เพื่อตรวจสอบว่าระบบใดที่ทำให้เกิดการแท้งโดยสมบูรณ์และมีผลข้างเคียงน้อยที่สุด

เราพบหลักฐานอะไร

สำหรับการปรับปรุงการทบทวนวรรณกรรมนี้ได้รวมการทดลองทางคลินิกแบบสุ่ม 43 รายการ ที่เกี่ยวข้องกับสตรี 4966 คน ที่มีการตั้งครรภ์ที่ไม่สามารถตั้งครรภ์ต่อได้ เมื่ออายุครรภ์น้อยกว่า 24 สัปดาห์ วิธีการรักษาหลักที่ตรวจสอบ ได้แก่ ไมโซพรอสทอล (misoprostol) เหน็บทางช่องคลอด อมหรือกินทางปาก ไมเฟพริสโตน (mifepristone) และเจมโฟรส (gemeprost) เหน็บช่องคลอด สิ่งเหล่านี้ถูกเปรียบเทียบกับการจัดการโดยการผ่าตัด, การรอให้แท้งออกมาเอง, ยาหลอก หรือวิธีการให้ยาประเภทต่างๆเปรียบเทียบกัน การเปรียบเทียบ 14 แบบ มีการทดลองเพียง 1 ฉบับ การศึกษามีคุณภาพแตกต่างกันไป คุณภาพของหลักฐานอยู่ในระดับต่ำมากหรือต่ำสำหรับการเปรียบเทียบส่วนใหญ่

ไมโซพรอสทอลเหน็บช่องคลอดอาจเร่งการแท้ง เมื่อเปรียบเทียบกับ ยาหลอก แต่มีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยสำหรับอัตราการคลื่นไส้ ท้องเสีย หรือความพอใจกับวิธีการรักษาของสตรีตั้งครรภ์หรือไม่ ไม่แน่ใจว่า ไมโซพรอสทอลเหน็บช่องคลอด เมื่อเทียบกับยาหลอก ช่วยลดการสูญเสียเลือด หรือความเจ็บปวดได้หรือไม่เนื่องจากคุณภาพของหลักฐานสำหรับผลลัพธ์เหล่านี้ต่ำมาก

ไมโซพรอสทอลเหน็บช่องคลอด มีประสิทธิภาพน้อยกว่าในการทำให้เกิดการแท้งโดยสมบูรณ์ เมื่อเทียบกับวิธีการทางศัลยกรรม และอาจเกี่ยวข้องกับอาการคลื่นไส้และท้องร่วง ไมโซพรอสทอลเหน็บช่องคลอดสร้างความแตกต่างเพียงเล็กน้อยในเรื่องการทำให้เกิดการติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน, การสูญเสียเลือด, ความเจ็บปวด หรือความพึงพอใจ/การยอมรับวิธีการที่ใช้ของสตรี เมื่อเปรียบเทียบกับการวิธีการทางศัลยกรรม

มีความแตกต่างกันเล็กน้อยระหว่างวิธีการให้ไมโซพรอสทอลที่แตกต่างกัน เมื่อการทดลองเปรียบเทียบการเหน็บช่องคลอดกับการวางไว้ใต้ลิ้น หรือระหว่างไมโซพรอสทอลแบบรับประทานและการเหน็บช่องคลอด การศึกษาเดี่ยว พบว่าไมเฟพริสโตน มีประสิทธิผลมากกว่ายาหลอกและไมโซพรอสทอลเหน็บช่องคลอด และจะมีประสิทธิผลมากกว่าการรอเพื่อให้เกิดการแท้งออกมาเอง อย่างไรก็ตามคุณภาพของหลักฐานนี้พบว่าต่ำมาก ดังนั้นเราจึงไม่มั่นใจในการค้นพบนี้ ไมเฟพริสโตน ไม่ได้ให้ประโยชน์เพิ่มเติมใดๆ เมื่อเติมลงในไมโซพรอสทอล

สิ่งนี้หมายความว่าอะไร

การใช้ไมโซพรอสทอล เป็นทางเลือกหนึ่งนอกเหนือจากการรักษาด้วยวิธีการทางศัลยกรรม และอาจลดความจำเป็นในการผ่าตัดสำหรับสตรีที่ทารกในครรภ์เสียชีวิตในระยะเริ่มแรก การใช้ไมโซพรอสทอลอาจมีผลข้างเคียงบางอย่าง เช่น คลื่นไส้และท้องร่วง แต่ความเสี่ยงของการสูญเสียเลือดอย่างรุนแรงหรือการติดเชื้อในอุ้งเชิงกรานไม่ได้สูงกว่าเมื่อเทียบกับการรักษาด้วยวิธีการทางศัลยกรรมหรือการรอให้เกิดการแท้งออกมาเอง จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับปริมาณยา การบริหารยาและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงภาวะเจริญพันธุ์ในอนาคตและมุมมองของสตรีเกี่ยวกับการรักษาด้วยยา การรักษาด้วยวิธีทางศัลยกรรมและการรอให้การแท้งเกิดขึ้นเอง

บทนำ

การแท้งที่เกิดในการตั้งครรภ์ส่วนใหญเกิดจากไม่เกิดเป็นตัวอ่อนหรือผิดปกติที่ขั้นตอนการพัฒนาของทารกในครรภ์มักจะเกิดขึ้น (มักเป็นสัปดาห์) ก่อนที่จะเกิดการแท้ง การตรวจอัลตร้าซาวด์สามารถค้นพบความผิดปกติในระยะนี้ได้โดยแสดงให้เห็นถึงการตั้งครรภ์ที่ไม่มีตัวอ่อนหรือทารกในครรภ์เสียชีวิต การรักษาดั้งเดิมคือ การรักษาตามวิธีทางศัลยกรรม แต่การรักษาโดยการให้ยาอาจมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และเป็นที่ยอมรับเนื่องจากทำให้เกิดการแท้งเอง นี่คือการปรับปรุงการทบทวนวรรณกรรมที่เผยแพร่ครั้งแรกในปี 2006

วัตถุประสงค์

เพื่อประเมินจากการทดลองทางคลินิกเกี่ยวกับประสิทธิผลและความปลอดภัยของการให้ยาที่แตกต่างกันสำหรับการยุติการตั้งครรภ์ที่ทารกไม่มีชีวิต

วิธีการสืบค้น

สำหรับการปรับปรุงการทบทวนวรรณกรรมนี้เราสืบค้นจาก Cochrane Pregnancy and Childbirth's Trials Register, ClinicalTrials.gov, WHO International Clinical Trials Registry Platform (ICTRP) (24 ตุลาคม 2018) และรายการอ้างอิงของการศึกษาที่ดึงมา

เกณฑ์การคัดเลือก

การทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มเปรียบเทียบการรักษาด้วยยากับการรักษาอื่น (เช่น ใช้เครื่องมือเพื่อดูดเอาทารกที่เสียชีวิตออกมา) หรือยาหลอกหรือไม่มีการรักษาสำหรับการตั้งครรภ์ที่ล้มเหลวในระยะเริ่ม การศึกษาประเภท Quasi-random studies จะถูกตัดออก การศึกษาประเภท cluster-randomised trials มีสิทธิ์ได้รับการรวมไว้เช่นเดียวกับการศึกษาที่รายงานเฉพาะบทคัดย่อหากมีข้อมูลเพียงพอที่จะประเมินคุณสมบัติ

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล

ผู้วิจัย 2 คน ประเมินการศึกษาเพื่อนำเข้า ตรวจสอบการมีอคติ ดึงข้อมูล และตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่รวบรวมได้อย่างเป็นอิสระต่อกัน เราได้ประเมินคุณภาพของหลักฐานที่ได้โดยวิธีการของ GRADE

ผลการวิจัย

รวมการศึกษา 43 รายการ (สตรี 4966 คน) วิธีการรักษาหลักที่ตรวจสอบ ได้แก่ ไมโซพรอสทอล (misoprostol) เหน็บทางช่องคลอด อมหรือกินทางปาก ไมเฟพริสโตน (mifepristone) และเจมโฟรส (gemeprost) เหน็บช่องคลอด สิ่งเหล่านี้ถูกเปรียบเทียบกับการจัดการโดยการผ่าตัด, การรอให้แท้งออกมาเอง, ยาหลอก หรือวิธีการให้ยาประเภทต่างๆเปรียบเทียบกัน การทบทวนนี้ประกอบด้วยวิธีการให้ยาที่แตกต่างกันมากมายซึ่งได้รับการวิเคราะห์จากการเปรียบเทียบที่แตกต่างกัน 23 แบบ การเปรียบเทียบจำนวนมากประกอบด้วยการศึกษาเดียว เราจำกัดการให้คะแนนคุณภาพของหลักฐานไว้ที่การเปรียบเทียบหลัก 2 ประการ ได้แก่ ไมโซพรอสทอลเหน็บช่องคลอดเทียบกับยาหลอก และไมโซพรอสทอลเหน็บช่องคลอดเทียบกับการใช้เครื่องมือดูดเอาทารกที่เสียชีวอติในครรภ์ออกมา ความเสี่ยงของการมีอคติแตกต่างกันอย่างมากในการทดลองที่รวมเข้ามา คุณภาพของหลักฐานแตกต่างกันไประหว่างการเปรียบเทียบที่แตกต่างกัน แต่ส่วนใหญ่พบว่ามีคุณภาพต่ำมากหรือต่ำ

ไมโซพรอสทอลเหน็บช่องคลอดเทียบกับยาหลอก

ไมโซพรอสเหน็บช่องคลอดอาจเร่งการแท้งเมื่อเปรียบเทียบกับยาหลอก เช่น การแท้งบุตรโดยสมบูรณ์ (5 การศึกษา, สตรี 305 คน, risk ratio (RR) 4.23, 95% CI 3.01 ถึง 5.94; หลักฐานคุณภาพต่ำ) ไม่มีรายงานการศึกษาที่เกี่ยวกับอัตราการติดเชื้อในอุ้งเชิงกรานสำหรับการเปรียบเทียบนี้ ไมโซพรอสทอลเหน็บช่องคลอดทำให้อัตราการคลื่นไส้แตกต่างกันเล็กน้อย (2 การศึกษา, สตรี 88 คน, RR 1.38, 95% CI 0.43 ถึง 4.40; หลักฐานคุณภาพต่ำ) ท้องร่วง (2 การศึกษา, สตรี 88 คน, RR 2.21, 95% CI 0.35 ถึง 14.06; หลักฐานคุณภาพต่ำ) หรือ สตรีพอใจกับวิธีการนี้หรือไม่ (1 การศึกษา, สตรี 32 คน, RR 1.17, 95% CI 0.83 ถึง 1.64; หลักฐานคุณภาพต่ำ) ไม่แน่ใจว่าไมโซพรอสทอลเหน็บช่องคลอดช่วยลดการเสียเลือด (ความแตกต่างของฮีโมโกลบิน > 10 กรัม / ลิตร) (1 การศึกษา, สตรี 50 คน, RR 1.25, 95% CI 0.38 ถึง 4.12; หลักฐานคุณภาพต่ำมาก) หรือความเจ็บปวด (การใช้ยากลุ่ม opioid) (1 การศึกษา, สตรี 84 คน, RR 5.00, 95% CI 0.25 ถึง 101.11; หลักฐานคุณภาพต่ำมาก) เนื่องจากคุณภาพของหลักฐานสำหรับผลลัพธ์เหล่านี้พบว่าต่ำมาก

ไมโซพรอสทอลเหน็บช่องคลอดเทียบกับการวิธีการดูดเพื่อทำให้เกิดการแท้ง

ไมโซพรอสทอลเหน็บช่องคลอดอาจมีประสิทธิภาพน้อยกว่าในการทำให้เกิดการแท้งโดยสมบูรณ์ เมื่อเทียบกับการดูดเพื่อทำให้เกิดการแท้ง (6 การศึกษา, สตรี 943 คน, average RR 0.40, 95% CI 0.32 ถึง 0.50; ค่าความแตกต่าง: Tau² = 0.03, I² = 46%; หลักฐานคุณภาพต่ำ) และอาจเกี่ยวข้องกับอาการคลื่นไส้มากขึ้น (1 การศึกษา, สตรี 154 คน, RR 21.85, 95% CI 1.31 ถึง 364.37; หลักฐานคุณภาพต่ำ) และอาการท้องร่วง (1 การศึกษา, ผู้หญิง 154 คน, RR 40.85, 95% CI 2.52 ถึง 662.57; หลักฐานคุณภาพต่ำ) อาจมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยระหว่างไมโซพรอสทอลเหน็บช่องคลอดและการดูดเอาชิ้นส่วนของทารกที่เสียชีวิตในครรภ์ออกมา สำหรับการติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน (1 การศึกษา, สตรี 618 คน, RR 0.73, 95% CI 0.39 ถึง 1.37; หลักฐานคุณภาพต่ำ), การเสียเลือด (ค่าเม็ดเลือดหลังการรักษา (%) 1 การศึกษา, สตรี 50 คน, mean difference (MD) 1.40% 95% CI -3.51 ถึง 0.71; หลักฐานคุณภาพต่ำ), การบรรเทาอาการปวด (1 การศึกษา, สตรี 154 คน, RR 1.42, 95% CI 0.82 ถึง 2.46; หลักฐานคุณภาพต่ำ) หรือความพึงพอใจ/การยอมรับวิธีการรักษาของสตรี (1 การศึกษา, สตรี 45 คน, RR 0.67, 95% CI 0.40 ถึง 1.11; หลักฐานคุณภาพต่ำ)

การเปรียบเทียบอื่นๆ

จากการค้นพบจากการศึกษาเพียงครั้งเดียว ไมโซพรอสทอลเหน็บช่องคลอดมีประสิทธิภาพในการทำให้เกิดการแท้งบุตรได้อย่างสมบูรณ์มากกว่าการรอเพื่อให้เกิดการแท้งออกมาเอง (สตรี 614 คน, RR 1.25, 95% CI 1.09 ถึง 1.45) มีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยระหว่างไมโซพรอสทอลเหน็บช่องคลอดและไมโซพรอสทอลอมใต้ลิ้น (5 การศึกษา, ผู้หญิง 513 คน, average RR 0.84, 95% CI 0.61 ถึง 1.16; ความแตกต่าง: Tau² = 0.10, I² = 871%; หรือระหว่างไมโซพรอสทอลแบบรับประทานและเหน็บคลอดในแง่ของการทำให้เกิดการแท้งโดยสมบูรณ์ที่น้อยกว่า 13 สัปดาห์ (4 การศึกษา, สตรี 418 คน), average RR 0.68, 95% CI 0.45 ถึง 1.03; ความแตกต่าง: Tau² = 0.13, I² = 90%) อย่างไรก็ตามมีอาการปวดท้องน้อยมากกว่าในกรณีของไมโซพรอสทอลเหน็บช่องคลอด เมื่อเปรียบเทียบกับ การอมใต้ลิ้น (3 การศึกษา, ผู้หญิง 392 คน, RR 0.58, 95% CI 0.46 ถึง 0.74) การศึกษาเดียว (สตรี 46 คน) พบว่า ไมเฟพริสโตน มีประสิทธิผลมากกว่ายาหลอก: การแท้งเสร็จสิ้นในวันที่ 5 หลังการรักษา (สตรี 46 คน, RR 9.50, 95% CI 2.49 ถึง 36.19) อย่างไรก็ตาม คุณภาพของหลักฐานนี้ต่ำมาก: มีความเสี่ยงอย่างมากที่จะเกิดอคติโดยมีสัญญาณของข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์และ intention-to-treat analysis ที่ไม่เหมาะสม ในการศึกษาที่รวบรวมเข้ามา และความไม่แม่นยำอย่างรุนแรงพร้อมช่วงความเชื่อมั่นที่กว้าง ไมเฟพริสโตน ไม่สามารถเร่งการแท้งได้อีกต่อไปเมื่อเพิ่มลงในสูตรยาไมโซพรอสทอล (3 การศึกษา, สตรี 447 คน, RR 1.18 ,95% CI 0.95 ถึง 1.47)

ข้อสรุปของผู้วิจัย

หลักฐานที่มีอยู่จากการทดลองแบบสุ่ม แสดงให้เห็นว่าการรักษาด้วยยาไมโซพรอสทอลเหน็บช่องคลอดอาจเป็นทางเลือกที่ยอมรับได้ นอกเหนือจากวิธีการทางศัลยกรรม คือ การดูดเอาชิ้นส่วนทารกที่แท้งออกมา หรือการรอเพื่อให้เกิดการแท้งเอง โดยทั่วไปผลข้างเคียงของการรักษาด้วยยามีเล็กน้อย ซึ่งประกอบด้วย อาการคลื่นไส้และท้องร่วงเป็นส่วนใหญ่ ไม่มีความแตกต่างที่สำคัญในประสิทธิผลระหว่างแนวทางการบริหารยาที่แตกต่างกัน ความพึงพอใจในการรักษาได้รับการกล่าวถึงในการศึกษาเพียงไม่กี่ชิ้น ซึ่งสตรีส่วนใหญ่พอใจกับวิธีการรักษาที่ได้รับ เนื่องจากคุณภาพของหลักฐานอยู่ในระดับต่ำหรือต่ำมากสำหรับการเปรียบเทียบหลายครั้ง ส่วนใหญ่เป็นเพราะมีการทดลองเพียง 1 หรือ 2 รายการ (การทดลองขนาดเล็ก ๆ) จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อประเมินประสิทธิผล ความปลอดภัย และผลข้างเคียงการบริหารยาที่เหมาะสม และปริมาณยที่ใช้ในการรักษาด้วยยาที่แตกต่างกันสำหรับการเสียชีวิตของทารกในครรภ์ในระยะเริ่มแรก

บันทึกการแปล

แปลโดย พญ.วิลาสินี หน่อแก้ว

Citation
Lemmers M, Verschoor MAC, Kim BVeronica, Hickey M, Vazquez JC, Mol BWJ, Neilson JP. Medical treatment for early fetal death (less than 24 weeks). Cochrane Database of Systematic Reviews 2019, Issue 6. Art. No.: CD002253. DOI: 10.1002/14651858.CD002253.pub4.