ประโยชน์และความเสี่ยงของการใช้ยา corticosteroids ในการรักษาความเหนื่อยล้าที่เกี่ยวข้องกับมะเร็งในระยะลุกลามคืออะไร

ข้อความสำคัญ

เราไม่พบหลักฐานที่มีคุณภาพดีเกี่ยวกับประโยชน์และความเสี่ยงของ corticosteroids ในการรักษาผู้ใหญ่ที่เป็นมะเร็งระยะลุกลามที่มีความเหนื่อยล้าที่เกี่ยวข้องกับมะเร็ง (CRF)

จำเป็นต้องมีการศึกษาที่ใหญ่ขึ้นและมีการออกแบบที่ดีในอนาคตเพื่อตรวจสอบว่า corticosteroids มีประโยชน์หรือเป็นโทษในการรักษา CRF

เหตุใดการทบทวนวรรณกรรมนี้จึงมีความสำคัญ

ความเหนื่อยล้าเป็นอาการที่พบได้บ่อยและเป็นปัญหาในผู้ที่เป็นมะเร็งระยะลุกลาม ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก ยา corticosteroids มักใช้เพื่อรักษา CRF และอาการอื่นๆ ในคนที่ต้องการการดูแลแบบประคับประคอง ยา corticosteroids อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้เป็นเวลานาน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องค้นหาว่ายา corticosteroids มีประสิทธิผลในการรักษาอาการเหนื่อยล้าจากโรคมะเร็งหรือไม่

เราต้องการค้นหาอะไร

เราต้องการทราบว่ายา corticosteroids ดีกว่ายาที่ไม่ออกฤทธิ์ (ยาหลอก) หรือยาอื่นๆ เพื่อลดความเหนื่อยล้าที่เกี่ยวข้องกับมะเร็งหรือไม่ นอกจากนี้ เรายังต้องการทราบว่า corticosteroids เกี่ยวข้องกับผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์เมื่อใช้รักษาความเหนื่อยล้าที่เกิดจากมะเร็งระยะลุกลามหรือไม่

เราทำอะไร

เราค้นหาการศึกษาที่เปรียบเทียบ:

- corticosteroids กับยาหลอก หรือ

- corticosteroids กับยาอื่นที่ออกฤทธิ์ในผู้ใหญ่ที่เป็นมะเร็ง

เราเปรียบเทียบและสรุปผลการศึกษา และให้คะแนนความเชื่อมั่นในหลักฐาน โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น วิธีการศึกษาและขนาด

เราพบอะไร

เราพบการศึกษา 4 ฉบับ ที่มีผู้ป่วย 239 คนที่ต้องการการรักษา CRF การศึกษาทั้งหมดใช้เวลาน้อยกว่า 3 สัปดาห์ ยาที่ใช้เป็นเวลา 14 วันหรือน้อยกว่า การศึกษา 3 ฉบับ เปรียบเทียบ corticosteroids กับยาหลอก และการศึกษา 1 ฉบับ เปรียบเทียบ corticosteroids กับยาที่ออกฤทธิ์อื่น (modafinil) ยา corticosteroids ที่ใช้คือ methylprednisolone และ dexamethasone ในขนาดที่ต่ำพอๆ กัน การศึกษาทั้งหมดมีขนาดเล็กโดยมีผู้เข้าร่วมน้อยกว่า 100 คน

ขณะนี้ยังไม่แน่นอนว่า corticosteroids จะลด CRF หรือไม่ ไม่ชัดเจนว่ามีผลข้างเคียงมากกว่าในผู้ที่ใช้ corticosteroids ระยะสั้นสำหรับ CRF หรือไม่ เราไม่ทราบว่ามีการปรับปรุงคุณภาพชีวิตสำหรับผู้ที่รับ corticosteroids สำหรับ CRF หรือไม่

หากคนจะใช้ corticosteroids เพื่อจัดการกับ CRF พวกเขาควรปรึกษากับแพทย์เกี่ยวกับผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นและระยะเวลาที่พวกเขาต้องใช้ การศึกษาอื่น ๆ พบว่าการใช้ในระยะยาวอาจเกี่ยวข้องกับผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย

ข้อจำกัดของหลักฐานคืออะไร

เราไม่เชื่อมั่นในหลักฐาน เนื่องจากมีการศึกษาขนาดเล็กเพียง 4 ฉบับที่ดูผลของ corticosteroids ในความเหนื่อยล้าที่เกี่ยวข้องกับมะเร็ง การศึกษาทั้งหมดที่รวมอยู่ในการทบทวนนี้มีแนวโน้มที่จะนำเสนอข้อผิดพลาด

หลักฐานนี้เป็นปัจจุบันแค่ไหน

หลักฐานนี้มีถึงวันที่ 18 กรกฎาคม 2022

ข้อสรุปของผู้วิจัย: 

ไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะสนับสนุนหรือหักล้างการใช้ systemic corticosteroids ในผู้ใหญ่ที่เป็นมะเร็งและ CRF

เรารวบรวมการศึกษาขนาดเล็ก 4 ฉบับ ที่ให้หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำมากสำหรับประสิทธิภาพของ corticosteroids ในการจัดการกับ CRF

จำเป็นต้องมีการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุมคุณภาพสูงเพิ่มเติมด้วยขนาดตัวอย่างที่ใหญ่ขึ้น เพื่อพิจารณาประสิทธิผลของ corticosteroids ในบริบทนี้

อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
บทนำ: 

ความเหนื่อยล้าเป็นอาการที่พบบ่อยที่สุดในผู้ที่เป็นมะเร็งระยะลุกลาม ความเหนื่อยล้าที่เกี่ยวข้องกับมะเร็ง (CRF) พบได้มากและทำให้ร่างกายอ่อนแอ และอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต (QoL) อย่างมาก CRF มีการแสดงทางคลินิกที่แตกต่างได้มาก ซึ่งน่าจะเกิดจากการทำงานร่วมกันที่ซับซ้อนของปัจจัยหลายอย่าง Corticosteroids มักใช้เพื่อแก้ไข CRF แต่ประโยชน์ไม่ชัดเจนและมีผลข้างเคียงที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับการใช้ในระยะยาว ด้วยอัตราการรอดชีวิตที่เพิ่มขึ้นของผู้ที่เป็นมะเร็งระยะแพร่กระจาย ผลกระทบระยะยาวของยาจึงมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากผลของ CRF อาจทำให้ร่างกายอ่อนแอลงอย่างมากและอาจส่งผลเสียต่อ QoL การรักษาจึงควรจะมีการทบทวนวรรณกรรมเพิ่มเติม

วัตถุประสงค์: 

เพื่อพิจารณาประโยชน์และโทษของ corticosteroids เทียบกับยาหลอกหรือตัวเปรียบเทียบที่ออกฤทธิ์ในผู้ใหญ่ที่เป็นมะเร็งระยะลุกลามและ CRF

วิธีการสืบค้น: 

เราค้นหา CENTRAL, MEDLINE, Embase, CINAHL, Science Citation Index (ISI Web of Science), LILACS และการลงทะเบียนการทดลองทางคลินิกสองรายการตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงวันที่ 18 กรกฎาคม 2022

เกณฑ์การคัดเลือก: 

เรารวมการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุมในผู้ใหญ่อายุ ≥18 ปี เรารวมผู้เข้าร่วมที่เป็นมะเร็งระยะลุกลามซึ่งเป็น CRF เรารวมการทดลองที่สุ่มให้ผู้เข้าร่วมได้รับ corticosteroids ในขนาดใดก็ได้ โดยทุกช่องทาง ที่บริหารเพื่อบรรเทาอาการ CRF; เปรียบเทียบกับยาหลอกหรือยาเปรียบเทียบที่ออกฤทธิ์ รวมถึงการดูแลแบบประคับประคองหรือการรักษาที่ไม่ใช่ทางเภสัชวิทยา

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล: 

ผู้ประพันธ์การทบทวนวรรณกรรม 3 คนประเมินชื่อเรื่องที่ค้นพบจากกลยุทธ์การค้นหาอย่างอิสระต่อกัน ผู้ประพันธ์การทบทวนวรรณกรรม 2 คนประเมินความเสี่ยงของการมีอคติ และสองคนคัดลอกข้อมูล เราคัดลอกผลลัพธ์หลักของการบรรเทาความเมื่อยล้าที่ผู้เข้าร่วมรายงานโดยใช้เครื่องวัดที่ผ่านการตรวจสอบแล้วและผลลัพธ์รองของเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ร้ายแรง และ QoL เราคำนวณอัตราส่วนความเสี่ยงและช่วงความเชื่อมั่น 95% (CIs) ระหว่างกลุ่มสำหรับผลลัพธ์แบบแบ่งขั้ว เราวัดค่าเฉลี่ยเลขคณิตและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และรายงานความแตกต่างของค่าเฉลี่ย (MD) และ 95% CI ระหว่างกลุ่มสำหรับผลลัพธ์แบบต่อเนื่อง เราใช้ความแตกต่างของค่าเฉลี่ยมาตรฐาน (SMD) กับ 95% CIs เมื่อวัดผลลัพธ์ด้วยเครื่องมือที่ต่างกัน ที่วัดโครงสร้างเดียวกัน เราใช้ random-effects model meta-analyses เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลผลลัพธ์ เราจัดอันดับความเชื่อมั่นของหลักฐานโดยใช้ GRADE และสร้างตารางผลสรุป 2 ตาราง

ผลการวิจัย: 

เรารวบรวมการศึกษา 4 ฉบับ ที่มีผู้เข้าร่วม 297 คน; ข้อมูลมีให้สำหรับผู้เข้าร่วมเพียง 239 คน การศึกษา 3 ฉบับ เปรียบเทียบ corticosteroid (เทียบเท่า ≤ 8 mg dexamethasone) กับยาหลอก การศึกษา 1 ฉบับ เปรียบเทียบ corticosteroid (dexamethasone 4 mg) กับตัวเปรียบเทียบที่ออกฤทธิ์ (modafinil 100 มก.) มีข้อมูลไม่เพียงพอที่จะประเมินกลุ่มย่อย เช่น ขนาดยาและระยะเวลาการรักษา การศึกษา 1 ฉบับ มีความเสี่ยงสูงต่อ performance and detection bias เนื่องจากไม่มีการปกปิด และ การศึกษา 1 ฉบับ มีความเสี่ยงสูงต่อ attrition bias นอกจากนั้น เราประเมินความเสี่ยงของการมีอคติในระดับต่ำหรือไม่ชัดเจน

การเปรียบเทียบ 1: corticosteroids เทียบกับยาหลอก

การบรรเทาความเมื่อยล้าที่ผู้เข้าร่วมรายงาน

ไม่มีความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างยา corticosteroids และยาหลอก (SMD -0.46, 95% CI -1.07 ถึง 0.14; RCTs 3 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 165 คน, หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก) เพื่อบรรเทาความเหนื่อยล้าใน 1 สัปดาห์ของการรักษา เราลดระดับความเชื่อมั่นของหลักฐานลงสามระดับ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความไม่ชัดเจนของความเสี่ยงของการมีอคติ, ความไม่แม่นยำ และไม่สอดคล้องกัน

เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์

ไม่มีความแตกต่างที่ชัดเจนในการเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ระหว่างกลุ่ม แต่หลักฐานมีความไม่เชื่อมั่นมาก (RCTs 3 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 165 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก)

เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่ร้ายแรง

ไม่มีความแตกต่างที่ชัดเจนในการเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่ร้ายแรงระหว่างกลุ่ม แต่หลักฐานมีความไม่เชื่อมั่นมาก (RCTs 2 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 118 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก)

คุณภาพชีวิต

การศึกษา 1 ฉบับ รายงาน QoL ที่ 1 สัปดาห์โดยใช้ระบบการประเมินอาการ Edmonton Symptom Assessment System (ESAS) และไม่พบความแตกต่างที่ชัดเจนใน QoL ระหว่างกลุ่ม (MD -0.58, 95% CI -1.93 ถึง 0.77) การศึกษาอีก 1 ฉบับ วัด QoL โดยใช้ Quality of Life Questionnaire for Cancer Patients Treated with Anticancer Drugs (QoL-ACD) และไม่พบความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างกลุ่ม ไม่มีความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างกลุ่มสำหรับการศึกษาทั้ง 2 ฉบับ แต่หลักฐานมีความไม่เชื่อมั่นมาก (RCTs 2 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 118 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก)

การเปรียบเทียบ 2: corticosteroids เทียบกับตัวเปรียบเทียบที่ออกฤทธิ์ (modafinil)

การบรรเทาความเมื่อยล้าที่ผู้เข้าร่วมรายงาน

มีความเหนื่อยล้าจากการตรวจวัดพื้นฐานถึงสองสัปดาห์ดีขึ้นในทั้งสองกลุ่ม (modafinil MD 10.15, 95% CI 7.43 ถึง 12.87; dexamethasone MD 9.21, 95% CI 6.73 ถึง 11.69) อย่างไรก็ตาม ไม่มีความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างทั้งสองกลุ่ม (MD -0.94, 95% CI -4.49 ถึง 2.61; RCT 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 73 คน, หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก) เราลดระดับความเชื่อมั่นของหลักฐานลง 3 ระดับ เนื่องจากข้อจำกัดในการศึกษาที่ร้ายแรงมากและความไม่แม่นยำ

เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์

ไม่มีความแตกต่างที่ชัดเจนในการเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ระหว่างกลุ่ม แต่หลักฐานมีความไม่เชื่อมั่นมาก (RCT 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 73 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก)

เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่ร้ายแรง

ไม่มีรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ร้ายแรงในทั้งสองกลุ่ม (RCT 1 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 73 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก)

คุณภาพชีวิต

การศึกษา 1 ฉบับ วัด QoL ที่สองสัปดาห์โดยใช้ ESAS-well-being มีการดีขึ้นอย่างเด่นชัดใน QoL จากค่าพื้นฐานในทั้งสองกลุ่ม (modafinil MD -2.43, 95% CI -2.88 ถึง -1.98; dexamethasone MD -2.16, 95% CI -2.68 ถึง -1.64) อย่างไรก็ตาม ไม่มีความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่าง 2 กลุ่ม ( MD 0.27, 95% CI -0.39 ถึง 0.93; 1 RCT, ผู้เข้าร่วม 73 คน, หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก)

บันทึกการแปล: 

แปลโดย ศ.นพ.ภิเศก ลุมพิกานนท์ ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 28 มกราคม 2023 Edit โดย ผกากรอง 20 กุมภาพันธ์ 2023

Tools
Information