การรักษากระดูกต้นขาส่วนล่างหักในผู้ใหญ่

ข้อความสำคัญ

สำหรับการรักษาผู้ที่มีกระดูกต้นขาส่วนล่างหัก (โคนขาส่วนปลาย) เราคิดว่าการเปรียบเทียบที่ดีที่สุดคือแท่งโลหะที่วางอยู่ภายในกระดูกต้นขากับแผ่นโลหะที่วางอยู่ด้านนอกของกระดูกและยึดด้วยสกรู แต่ยังมีการใช้วิธีอื่น เราไม่แน่ใจว่าการรักษาแบบใดดีกว่า แต่มีหลักฐานบางอย่างที่บ่งชี้ว่าแท่งยึดภานในกระดูกช่วยลดความทุพพลภาพลง

ความไม่แน่นอนยังอยู่ที่ชนิดของโลหะที่ใช้ชนิดใดที่ดีที่สุดสำหรับกระดูกหักที่ปลายล่างของกระดูกต้นขา

จำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อเปรียบเทียบการผ่าตัดที่ใช้กันทั่วไป

เหตุใดการรักษากระดูกโคนขาหักจึงสำคัญ

การแตกหัก (กระดูกหัก) ของส่วนล่างของกระดูกต้นขา (ปลายกระดูกโคนขา) ทำให้ร่างกายทรุดโทรมและเจ็บปวด การเคลื่อนไหวที่ลดลงหลังจากได้รับบาดเจ็บเหล่านี้เป็นสาเหตุสำคัญของสุขภาพเสื่อมโทรม บางครั้งกระดูกหักนี้เกิดขึ้นในผู้ที่เคยเปลี่ยนข้อเข่ามาก่อน ซึ่งจะทำให้การรักษากระดูกหักซับซ้อนยิ่งขึ้น

ทางเลือกในการรักษากระดูกโคนขาหักมีอะไรบ้าง

มีการใช้การรักษาหลายอย่างในการจัดการอาการบาดเจ็บเหล่านี้ ในอดีต ผู้คนได้รับการรักษาบนเตียงด้วยการใช้น้ำหนักให้เหยียดขาให้ตรง เมื่อไม่นานมานี้ มีการใช้การผ่าตัดเพื่อแก้ไขกระดูกโคนขาหักโดยใช้โลหะฝัง (การตรึงด้วยการผ่าตัด) วิธีการผ่าตัดตรึงกระดูกได้แก่การใช้แผ่นและสกรูที่ด้านนอกของกระดูกโคนขาหรือใช้แท่งใส่ในกระดูกโคนขาเพื่อยึดกระดูกหักให้อยู่กับที่เพื่อให้กระดูกยึดติดกัน เทคโนโลยีของอุปกรณ์ที่ใส่เหล่านี้มีความก้าวหน้ามากขึ้นด้วยส่วนประกอบที่ 'ล็อค' เข้าด้วยกัน ทำให้เกิดอุปกรณ์ที่ 'ล็อค' แม้จะมีความก้าวหน้าเหล่านี้ แต่การจัดการอาการบาดเจ็บเหล่านี้ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่

เราต้องการทราบอะไร

เราต้องการทราบผลของวิธีการต่างๆ ในการรักษากระดูกต้นขาส่วนล่างหักในผู้ใหญ่ รวมถึงผลกระทบ: คะแนนการทำงาน ความเจ็บปวด คุณภาพชีวิต (QoL) และภาวะแทรกซ้อนใดๆ ที่เกิดขึ้นจากวิธีการจัดการ

เราทำอะไร

เราค้นหาวรรณกรรมทางวิทยาศาสตร์สำหรับ randomized controlled trials (RCTs) (การศึกษาที่ผู้ป่วยได้รับการสุ่มเลือกกลุ่มการรักษา) และ quasi-RCTs (ซึ่งผู้ป่วยได้รับมอบหมายกลุ่มการรักษาที่ไม่มีการสุ่ม) เผยแพร่จนถึงเดือนตุลาคม 2021

เราสรุปผลการศึกษาแต่ละครั้ง ประเมินความเชื่อมั่นของเราในหลักฐานตามวิธีการและขนาดของการศึกษา

เราพบอะไร

เราพบการศึกษาที่เกี่ยวข้อง 14 ฉบับ มีผู้เข้าร่วม 753 คนที่มีอาการกระดูกหักเหล่านี้ การศึกษา 13 ฉบับ เปรียบเทียบการทำศัลยกรรมใส่ที่ยึดที่แตกต่างกัน และการศึกษา 1 ฉบับ เปรียบเทียบการผ่าตัดกับการรักษาที่ไม่ผ่าตัด

ผลลัพธ์ที่สำคัญ

แท่งยึดในต้นขาเทียบกับแผ่นยึดชนิดล็อค (การศึกษา 3 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 221 คน): เราไม่แน่ใจถึงความแตกต่างในการทำงานหรือ QoL ไม่มีหลักฐานบ่งชี้ถึงความแตกต่างของภาวะแทรกซ้อน

แท่งภายในกระดูกต้นขากับแผ่นที่ยึดติด (การศึกษา 3 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 175 คน): เราไม่แน่ใจถึงความแตกต่างใน QoL ระหว่าง 2 วิธีนี้ เราไม่แน่ใจถึงความแตกต่างของภาวะแทรกซ้อน

แท่งภายในกระดูกต้นขากับแผ่นยึดที่ไม่ล็อค (การศึกษาหนึ่งเรื่อง ผู้เข้าร่วม 18 คน): เราไม่พบหลักฐานความแตกต่างของภาวะแซ้อนระหว่าง 2 วิธีนี้ เราไม่มีข้อมูลสำหรับ QoL หรือความเจ็บปวด

แผ่นที่ล็อคกับเพลทที่ติดแน่น (การศึกษาสองเรื่อง ผู้เข้าร่วม 130 คน): เราไม่พบหลักฐานที่บ่งชี้ว่ามีภาวะแทรกซ้อนน้อยลงในการใช้แผ่นที่ยึดติดเมื่อเปรียบเทียบแผ่นที่ล็อค เราไม่มีข้อมูลสำหรับ QoL หรือความเจ็บปวด

การผ่าตัดตรึงใดๆ กับการใส่แท่งยึดภายในกระดูกต้นขา (การศึกษา 1 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 23 คน): มีข้อมูลที่จำกัดสำหรับการวิเคราะห์ของเรา แต่ไม่มีหลักฐานบ่งชี้ถึงความแตกต่างในภาวะแทรกซ้อนระหว่าง 2 วิธีนี้

การเปรียบเทียบแผ่นโลหะสองประเภทที่แตกต่างกัน (การศึกษา 2 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 67 คน): ในช่วงเวลาหกเดือน มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่าคะแนนผลลัพธ์ของผู้ป่วยดีขึ้นด้วยแผ่นเฉพาะที่เรียกว่าแผ่นแกนเดี่ยว แต่การดีขึ้นนี้ไม่พบที่ 12 เดือน เมื่อใช้รังสีเอกซ์เพื่อประเมินการทำงานของเพลต มีหลักฐานที่บ่งชี้ถึงการเอ็กซ์เรย์ที่ดีกว่าด้วยเพลตที่เรียกว่าเพลตแบบหลายแกน ไม่มีหลักฐานบ่งชี้ถึงความแตกต่างในเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์

การเปรียบเทียบแผ่นโลหะ 2 ประเภทที่แตกต่างกัน (การศึกษา 1 ฉบับ มีผู้เข้าร่วม 78 คน): เราไม่แน่ใจถึงคะแนนที่ผู้ป่วยรายงานในแผ่นแบบแกนเดี่ยวที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับแผ่นรองก้นแบบคอนดิล่า

การจัดการแบบผ่าตัดกับแบบไม่ผ่าตัด (การศึกษา 1 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 42 คน) : มีรายงานข้อมูลเพียงเล็กน้อยสำหรับการเปรียบเทียบนี้ อย่างไรก็ตาม มีภาวะแทรกซ้อนมากขึ้น เช่น แผลกดทับเนื่องจากการไม่เคลื่อนไหวเป็นเวลานานซึ่งสัมพันธ์กับกลุ่มที่ไม่ผ่าตัด ซึ่งพักรักษาตัวในโรงพยาบาลนานกว่า 1 เดือนโดยเฉลี่ย

ข้อจำกัดหลักของการศึกษา

การศึกษาแต่ละเรื่องมีขนาดเล็กและได้รับการออกแบบในลักษณะที่อาจส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของการค้นพบ การศึกษาส่วนใหญ่ไม่ได้รายงานคะแนนการทำงาน ดังนั้นจึงเป็นการยากที่จะเปรียบเทียบ เราไม่แน่ใจว่าผลลัพธ์เหล่านี้สะท้อนถึงสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยหรือไม่

การทบทวนวรรณกรรมนี้เป็นปัจจุบันแค่ไหน

เราค้นหาการศึกษาที่เผยแพร่จนถึงวันที่ 26 ตุลาคม 2021

ข้อสรุปของผู้วิจัย: 

การทบทวนวรรณกรรมนี้เน้นย้ำถึงข้อจำกัดที่สำคัญของหลักฐานที่มีอยู่เกี่ยวกับวิธีการรักษาในปัจจุบันสำหรับการแตกหักของกระดูกต้นขาส่วนปลาย หลักฐานที่มีอยู่ในปัจจุบันไม่สมบูรณ์และไม่เพียงพอที่จะชี้แนะการปฏิบัติทางคลินิก ควรให้ความสำคัญกับการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มเปรียบเทียบซึ่งเปรียบเทียบการรักษาร่วมสมัยสำหรับผู้ที่มีกระดูกโคนขาส่วนปลายหัก อย่างน้อยที่สุด ข้อมูลเหล่านี้ควรรายงานผลการทำงานและคุณภาพชีวิตที่รายงานโดยผู้ป่วยที่ตรวจสอบแล้วในระยะเวลา 1 และ 2 ปี โดยมีชุดผลลัพธ์หลักที่ตกลงกันไว้ ควรรายงานการทดลองทั้งหมดอย่างครบถ้วนโดยใช้แนวทางของ CONSORT

อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
บทนำ: 

การแตกหักของกระดูกโคนขาส่วนปลาย (ส่วนปลายของกระดูกต้นขาที่อยู่เหนือเข่า) เป็นสาเหตุสำคัญของการเจ็บป่วย มีการใช้วิธีการรักษาทั้งแบบผ่าตัดและไม่ผ่าตัดแบบต่างๆ ในการจัดการอาการบาดเจ็บเหล่านี้ แต่ยังไม่ทราบการรักษาที่ดีที่สุด

วัตถุประสงค์: 

เพื่อประเมินประโยชน์และโทษของการรักษาแบบต่างสำหรับภาวะกระดูกหักที่ปลายกระดูกโคนขาในผู้ใหญ่

วิธีการสืบค้น: 

เราใช้วิธีการค้นหา Cochrane แบบมาตรฐานและครอบคลุม วันที่ค้นหาล่าสุดคือตุลาคม 2021

เกณฑ์การคัดเลือก: 

เรารวบรวมการศึกษาแบบ randomised และ quasi-randomised controlled trials ที่ศึกษาในผู้ใหญ่ที่เปรียบเทียบวิธีการรักษาภาวะกระดูกหักของกระดูกโคนขาส่วนปลาย วิธีการที่ใช้ประกอบด้วย วิธีการผ่าตัดปลูกถ่าย (retrograde intramedullary nail (การใส่แกนยึดในไขกระดูก RIMN), อุปกรณ์มุมคงที่ (fixed-angle devices), การตรึงเพลตแบบไม่ล็อค ( non-locking plate fixation), แผ่นล็อค (locking plate), การตรึงภายใน, การแทนที่กระดูกต้นขาส่วนปลาย, แผ่นแกนเดี่ยว, แผ่นหลายแกนและแผ่นยึดคอนดิลาร์) และ การจัดการแบบไม่ผ่าตัด

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล: 

เราใช้วิธีมาตรฐานของ Cochrane ผลลัพธ์ที่สำคัญของเราคือผลลัพธ์ที่รายงานโดยผู้ป่วย (PROM) เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์โดยตรง คุณภาพชีวิตที่ผู้เข้าร่วมรายงาน (QoL) และคะแนนความเจ็บปวด ผลลัพธ์ที่สำคัญอื่นๆ ของเราคือ เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่เกี่ยวข้องโดยอ้อมกับวิธีการที่ใช้ กระดูกไม่ติดและมีอาการ การติดแบบผิดปกติ และการใช้ทรัพยากร เราใช้ GRADE เพื่อประเมินความแน่นอนของหลักฐานสำหรับแต่ละผลลัพธ์

ผลการวิจัย: 

เรารวบรวมการศึกษา 14 ฉบับ มีผู้เข้าร่วม 753 คน: การศึกษา 13 ฉบับเปรียบเทียบวิธีการผ่าตัดที่แตกต่างกัน และการศึกษา 1 ฉบับเปรียบเทียบการผ่าตัดกับการจัดการที่ไม่ผ่าตัด เรารายงานผลกระทบของ RIMN เทียบกับแผ่นล็อค การศึกษา 3 ฉบับ (ผู้เข้าร่วม 221 คน) เป็นรายงานการเปรียบเทียบที่รวมประชากรการศึกษาที่ใหญ่ที่สุดและเป็นอุปกรณ์ 2 ชนิดที่ใช้บ่อยที่สุดในการบาดเจ็บทางออร์โธปิดิกส์ร่วมสมัย

การศึกษาใช้เครื่องมือ 3 อย่างในการประเมิน PROM เราพบหลักฐานความเชื่อมั่นที่ต่ำมากสำหรับคะแนนดัชนีคะแนนความทุพพลภาพที่ต่ำกว่าหลังจาก RIMN ในการติดตามผลระยะสั้นซึ่งสนับสนุน RIMN (ความแตกต่างเฉลี่ย (MD) -21.90 ช่วงความเชื่อมั่น 95% (CI) −38.16 ถึง −5.64; การศึกษา 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 12 คน) และหลักฐานความเชื่อมั่นต่ำของความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยในการติดตามผลระยะยาว (standardised mean difference (SMD) −0.22, 95% CI −0.50 ถึง 0.06; การศึกษา 2 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 198 คน) การแสดง SMD ของข้อมูลการติดตามผลระยะยาวโดยใช้ Knee Society Score (KSS) ที่ใช้โดยการศึกษาหนึ่งพบว่าไม่มีประโยชน์ทางคลินิกของ RIMN โดยอิงจากความแตกต่างที่สำคัญทางคลินิกน้อยที่สุดที่ 9 จุด (MD 2.47, 95% CI - 6.18 ถึง 0.74) ผลกระทบต่อ QoL มีความไม่แน่นอนอย่างมากในช่วง 4 เดือน (MD 0.01, 95% CI −0.42 ถึง 0.44; การศึกษา 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 14 คน) และ 1 ปี (MD 0.10, 95% CI −0.01 ถึง 0.21; การศึกษา 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 156 คน); หลักฐานนี้มีความเชื่อมั่นต่ำมาก

สำหรับเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์โดยตรง การศึกษารายงานการผ่าตัดซ้ำ การสูญเสียการตรึง การติดเชื้อแบบตื้นและลึก การมีเลือดคั่งและการคลายตัวของตัวยึด ผลกระทบของเหตุการณ์ทั้งหมดไม่ชัดเจนโดยมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดประโยชน์หรือเป็นอันตรายสำหรับการรักษาทั้งสองอย่าง เราถือว่าการผ่าตัดซ้ำมีความสำคัญทางคลินิกมากที่สุด มีหลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมากเกี่ยวกับความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยในการผ่าตัดซ้ำระหว่างการใช้อุปกรณ์ยึดทั้งสอง (อัตราส่วนความเสี่ยง (RR) 1.48, 95% CI 0.55 ถึง 4.00; การศึกษา 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 104 คน)

ไม่มีการศึกษารายงานความเจ็บปวด

สำหรับผลลัพธ์ที่สำคัญอื่นๆ เราสังเกตว่าผู้ที่รับการรักษาด้วย RIMN อาจมีแนวโน้มที่จะมี varus/valgus deformity มากกว่า (RR 2.18, 95% CI 1.09 ถึง 4.37; การศึกษา 1 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 33 คน; หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นต่ำ) อย่างไรก็ตาม เราไม่พบหลักฐานความแตกต่างที่สำคัญใดๆ ระหว่างการรักษาในแง่ของการยึดติดของกระดูก เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ทางอ้อม หรือการใช้ทรัพยากร

การเปรียบเทียบอื่น ๆ ของการผ่าตัดที่รวมอยู่ในการทบทวนนี้คือ: RIMN เทียบกับอุปกรณ์มุมคงที่เดียว (การศึกษา 3 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 175 คน); RIMN กับการตรึงเพลทแบบไม่ล็อค (การศึกษา 1 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 18 คน); แผ่นล็อคเทียบกับอุปกรณ์มุมคงที่เดียว (การศึกษา 2 ฉบับ, ผู้เข้าร่วม 130 คน); การตรึงภายในกับการเปลี่ยนกระดูกต้นขาส่วนปลาย (การศึกษา 1 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 23 คน); แผ่นเพลตแบบแกนเดี่ยวกับเพลตแบบหลายแกน (การศึกษา 2 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 67 คน); เพลทแบบแกนเดี่ยวกับแผ่นรองแบบคอนดิลาร์ (การศึกษา 1 ฉบับ ผู้เข้าร่วม 78 คน) ความเชื่อมั่นของหลักฐานสำหรับผลลัพธ์ในการเปรียบเทียบเหล่านี้อยู่ในระดับต่ำถึงต่ำมาก และค่าประมาณผลกระทบส่วนใหญ่ไม่แม่นยำ

บันทึกการแปล: 

แปลโดย พญ.วิลาสินี หน่อแก้ว Edit โดย ผกากรอง 7 มกราคม 2023

Tools
Information