การบำบัดด้วยการให้ออกซิเจนอัตราการไหลเวียนสูงทางจมูกสำหรับการช่วยหายใจในทารกคลอดก่อนกำหนด

คำถามของการทบทวนวรรณกรรม

ในทารกที่คลอดก่อนกำหนด ประโยชน์และโทษของการบำบัดด้วยออกซิเจนอัตราการไหลเวียนสูงทางจมูก ( nHF) เมื่อใช้สำหรับการช่วยหายใจทันทีหลังคลอดเมื่อเทียบกับการช่วยหายใจแบบไม่รุกล้ำประเภทอื่นๆ คืออะไร

การช่วยหายใจคืออะไรและมีวิธีการรักษาอย่างไร

ทารกที่คลอดก่อนกำหนด (เกิดก่อนกำหนด) มักต้องการการช่วยหายใจทันทีหลังคลอด การช่วยหายใจแบบไม่รุกล้ำให้โดยไม่ต้องใส่ท่อช่วยหายใจในหลอดลมของทารก การช่วยหายใจแบบไม่รุกล้ำมีหลายประเภท การบำบัดด้วยการให้ออกซิเจนอัตราการไหลเวียนสูงเป็นประเภทหนึ่งที่ส่งอากาศอุ่นและออกซิเจนผ่านหลอดเล็กๆ สองอันซึ่งใส่อยู่ภายในรูจมูกของทารก ทางเลือกอื่นแทนการให้ nHF ได้แก่ ความดันทางเดินหายใจเป็นบวกต่อเนื่อง (CPAP) ซึ่งให้ความดันต่อเนื่อง (แทนการไหล) ของออกซิเจนผ่านทางหลอดขนาดใหญ่หรือหน้ากาก และการช่วยหายใจด้วยความดันบวกเป็นพักๆ ทางจมูก (NIPPV) โดยที่นอกเหนือจาก CPAP แล้ว มีการเพิ่มการให้ออกซิเจนที่ความดันสูงขึ้นเป็นครั้งคราว

เราได้ทำอะไร

เราค้นหาฐานข้อมูลทางการแพทย์สำหรับการศึกษาที่ออกแบบมาอย่างดีเพื่อประเมินประโยชน์และอันตรายของการช่วยหายใจแบบมีการไหลสูงในทารกคลอดก่อนกำหนด เปรียบเทียบกับการช่วยหายใจแบบไม่รุกล้ำในรูปแบบอื่นๆ

เราพบอะไร

เราพบการศึกษา 13 ฉบับ รวมทั้งทารกคลอดก่อนกำหนด 2540 คน ที่เปรียบเทียบ nHF กับวิธีการช่วยหายใจของทารกหลังคลอดด้วยวิธีอื่นที่ไม่รุกล้ำ มีการศึกษา 9 ฉบับ ที่กำลังรอการจัดหมวดหมู่ และการศึกษา 13 ฉบับ ที่กำลังดำเนินการอยู่ การศึกษาที่รวบรวมมาแตกต่างกันในวิธีการรักษาที่พวกเขาเปรียบเทียบ การไหลของออกซิเจนที่ใช้ จะใช้ CPAP ได้หรือไม่หากการไหลสูงไม่ได้ผล และวิธีการใช้สารลดแรงตึงผิว (ยาที่ใช้เพื่อช่วยป้องกันทางเดินหายใจขนาดเล็กยุบลง) ในทารกที่มีอาการหายใจลำบากมากขึ้น

เราพบอะไร

เมื่อใช้ทันทีหลังคลอดในทารกที่คลอดก่อนกำหนด nHF อาจมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยในการเสียชีวิตหรือเกิดภาวะหลอดลมและปอดผิดปกติ (โรคปอดเรื้อรังในทารกที่คลอดก่อนกำหนด) เมื่อเทียบกับ CPAP หรือ NIPPV nHF อาจเพิ่มความล้มเหลวในการบำบัดเมื่อเทียบกับ CPAP ตัวอย่างเช่น ทารกที่ได้รับการรักษาด้วยการไหลสูงอาจต้องการความเข้มข้นของออกซิเจนที่สูงขึ้นหรือผลการตรวจเลือดแย่ลง CPAP ทำงานได้ดีกว่า nHF ในทารกอีกประมาณ 10 คนจากทุกๆ 100 คน อย่างไรก็ตาม nHF อาจสร้างความแตกต่างเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยกับความน่าจะเป็นที่ต้องใช้ท่อช่วยหายใจ (การใส่ท่อหายใจ) nHF อาจสร้างความเสียหายต่อจมูกของทารกน้อยกว่าเมื่อเทียบกับ CPAP หรือ NIPPV และอาจลดความเสี่ยงของ pneumothorax (อากาศในช่องระหว่างปอดกับผนังทรวงอก) มีทารกที่คลอดก่อนกำหนดน้อยมาก (เกิดก่อนอายุครรภ์ 28 สัปดาห์) จำนวนน้อยมากในการศึกษาเหล่านี้ ดังนั้นเราจึงยังไม่แน่ใจเกี่ยวกับประโยชน์และโทษของการให้ nHF ทันทีหลังคลอดสำหรับทารกที่คลอดก่อนกำหนดมาก

ข้อจำกัดของหลักฐานคืออะไร

โดยรวมแล้ว เรามีความเชื่อมั่นในระดับต่ำถึงปานกลางในการค้นพบนี้ ความมั่นใจของเรามีจำกัดเนื่องจากแพทย์ในการศึกษาทราบว่าทารกได้รับการรักษาแบบใด ผลลัพธ์ที่ได้นั้นแตกต่างกันอย่างมากเนื่องจากบางการศึกษาแสดงให้เห็นถึงประโยชน์ของการช่วยหายใจประเภทหนึ่ง ในขณะที่การศึกษาอื่น ๆ แสดงให้เห็นถึงประโยชน์ของการช่วยหายใจประเภทที่เปรียบเทียบ และมีจำนวนเหตุการณ์ต่ำสำหรับบางผลลัพธ์ทำให้ยากต่อการเปรียบเทียบระหว่างกลุ่ม

หลักฐานนี้เป็นปัจจุบันแค่ไหน

การค้นหาเป็นปัจจุบัน ณ วันที่ 12 มีนาคม 2022

ข้อสรุปของผู้วิจัย: 

การใช้ nHF สำหรับการช่วยหายใจเบื้องต้นในทารกคลอดก่อนกำหนดที่มีอายุครรภ์ตั้งแต่ 28 สัปดาห์ขึ้นไป อาจส่งผลให้มีความแตกต่างในการเสียชีวิตหรือ BPD เพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย เมื่อเทียบกับ CPAP หรือ NIPPV nHF มีแนวโน้มที่จะส่งผลให้การรักษาล้มเหลวเพิ่มขึ้นภายใน 72 ชั่วโมงหลังจากเข้าร่วมการทดลองเมื่อเทียบกับ CPAP; อย่างไรก็ตาม มีแนวโน้มว่าจะไม่เพิ่มอัตราการใช้เครื่องช่วยหายใจ เมื่อเปรียบเทียบกับ CPAP การใช้ nHF มีแนวโน้มที่จะส่งผลให้มีการบาดเจ็บทางจมูกน้อยลงและมีโอกาสเกิด pneumothorax ลดลง เนื่องจากมีทารกที่คลอดก่อนกำหนดอย่างมากเพียงไม่กี่รายที่มีอายุครรภ์น้อยกว่า 28 สัปดาห์เข้าร่วมในการทดลองที่รวบรวมไว้ จึงขาดหลักฐานสำหรับการใช้ nHF สำหรับการช่วยหายใจเบื้องต้นในประชากรกลุ่มนี้

อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
บทนำ: 

การบำบัดด้วยออกซิเจนอัตราการไหลเวียนสูงทางจมูก (nHF) ให้อากาศที่ร้อนชื้นและออกซิเจนผ่านทางหลอดเสียบรูจมูกขนาดเล็ก 2 อัน ที่การไหลของก๊าซมากกว่า 1 ลิตร/นาที (ลิตร/นาที) โดยทั่วไปคือ 2 ลิตร/นาที ถึง 8 ลิตร/นาที nHF มักใช้สำหรับการช่วยหายใจแบบไม่รุกล้ำในทารกแรกเกิดที่คลอดก่อนกำหนด อาจใช้ในประชากรกลุ่มนี้สำหรับการช่วยหายใจเบื้องต้น (หลีกเลี่ยงหรือก่อนการใช้เครื่องช่วยหายใจผ่านท่อช่วยหายใจ) สำหรับการป้องกันหรือการรักษากลุ่มอาการหายใจลำบาก (RDS) นี่เป็นการปรับปรุงการทบทวนวรรณกรรมที่เผยแพร่ครั้งแรกในปี 2011 และปรับปรุงในปี 2016

วัตถุประสงค์: 

เพื่อประเมินประโยชน์และโทษของ nHF สำหรับการช่วยหายใจเบื้องต้นในทารกคลอดก่อนกำหนด เปรียบเทียบกับการช่วยหายใจแบบไม่รุกล้ำในรูปแบบอื่นๆ

วิธีการสืบค้น: 

เราใช้วิธีการค้นหาแบบมาตรฐานและครอบคลุม ของ Cochrane วันที่ค้นหาล่าสุด มีนาคม 2022

เกณฑ์การคัดเลือก: 

เรารวมการทดลองแบบสุ่มหรือกึ่งสุ่มเปรียบเทียบ nHF กับรูปแบบอื่นของการช่วยหายใจแบบไม่รุกล้ำสำหรับทารกคลอดก่อนกำหนดที่มีอายุครรภ์น้อยกว่า 37 สัปดาห์ที่มีอาการหายใจลำบากทันทีหลังคลอด

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล: 

เราใช้วิธีมาตรฐานของ Cochrane ผลลัพธ์หลักของเราคือ 1. เสียชีวิต (ก่อนออกจากโรงพยาบาล) หรือเกิดความผิดปกติของหลอดลมและปอด (BPD), 2. เสียชีวิต (ก่อนออกจากโรงพยาบาล), 3. BPD, 4. การรักษาล้มเหลวภายใน 72 ชั่วโมงหลังเข้ารับการทดลอง และ 5. การใช้เครื่องช่วยหายใจผ่านท่อช่วยหายใจภายใน 72 ชั่วโมงหลังเข้ารับการทดลอง ผลลัพธ์รองของเราคือ 6. การช่วยหายใจ, 7. ภาวะแทรกซ้อน และ 8. ผลลัพธ์ทางระบบประสาท เราใช้ GRADE เพื่อประเมินความแน่นอนของหลักฐาน

ผลการวิจัย: 

เรารวมการศึกษา 13 ฉบับ (ทารก 2540 คน) ในการทบทวนฉบับปรับปรุงนี้ มีการศึกษา 9 ฉบับ ที่กำลังรอการจัดหมวดหมู่ และการศึกษา 13 ฉบับ ที่กำลังดำเนินการอยู่ การศึกษาที่รวบรวมมาแตกต่างกันในการบำบัดเปรียบเทียบ (ความดันทางเดินหายใจเป็นบวกอย่างต่อเนื่อง (CPAP) หรือการช่วยหายใจด้วยความดันเป็นบวกเป็นระยะๆ ทางจมูก (NIPPV)) อุปกรณ์สำหรับส่ง nHF และการไหลของก๊าซที่ใช้ การศึกษาบางฉบับอนุญาตให้ใช้ CPAP 'กู้ภัย' ในกรณีที่การรักษาด้วย nHF ล้มเหลว ก่อนการใช้เครื่องช่วยหายใจ และบางการศึกษาอนุญาตให้ใช้สารลดแรงตึงผิวผ่านเทคนิค INSURE (INtubation, SURfactant, Extubation) โดยไม่ถือว่าเป็นการรักษาล้มเหลว การศึกษานี้รวมทารกที่คลอดก่อนกำหนดน้อยมากที่มีอายุครรภ์น้อยกว่า 28 สัปดาห์จำนวนน้อย การศึกษาหลายฉบับมีความไม่ชัดเจนหรือมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดอคติในหนึ่งโดเมนหรือมากกว่า

การบำบัดด้วยออกซิเจนการไหลเวียนสูงทางจมูกเมื่อเทียบกับความดันทางเดินหายใจที่เป็นบวกอย่างต่อเนื่องสำหรับการช่วยหายใจเบื้องต้นในทารกคลอดก่อนกำหนด

การศึกษา 11 ฉบับเปรียบเทียบ nHF กับ CPAP สำหรับการช่วยหายใจเบื้องต้นในทารกคลอดก่อนกำหนด เมื่อเปรียบเทียบกับ CPAP แล้ว nHF อาจทำให้ผลรวมของการเสียชีวิตหรือ BPD แตกต่างกันเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย (อัตราส่วนความเสี่ยง (RR) 1.09, ช่วงความเชื่อมั่น 95% (CI) 0.74 ถึง 1.60; ความแตกต่างของความเสี่ยง (RD) 0, 95% CI −0.02 ถึง 0.02; การศึกษา 7 ฉบับ ทารก 1830 คน หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำ) เมื่อเปรียบเทียบกับ CPAP nHF อาจให้ผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีความแตกต่างในความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต (RR 0.78, 95% CI 0.44 ถึง 1.39; การศึกษา 9 ฉบับ, ทารกปี 2009; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) หรือ BPD (RR 1.14, 95% CI 0.74 ถึง 1.76; การศึกษา 8 ฉบับ ทารก 1917 คน หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำ) nHF มีแนวโน้มที่จะส่งผลให้การรักษาล้มเหลวเพิ่มขึ้นภายใน 72 ชั่วโมงหลังจากเข้าร่วมการทดลอง (RR 1.70, 95% CI 1.41 ถึง 2.06; RD 0.09, 95% CI 0.06 ถึง 0.12; จำนวนที่จำเป็นในการรักษาสำหรับผลลัพธ์ที่เป็นอันตรายเพิ่มเติม (NNTH) 11, 95% CI 8 ถึง 17; การศึกษา 9 ฉบับ ทารก 2042 คน หลักฐานมีความเชื่อมั่นปานกลาง) อย่างไรก็ตาม nHF มีแนวโน้มที่จะไม่เพิ่มอัตราการใช้เครื่องช่วยหายใจ (RR 1.04, 95% CI 0.82 ถึง 1.31; การศึกษา 9 ฉบับ, ทารก 2042 คน; หลักฐานมีความเชื่อมั่นปานกลาง) nHF มีแนวโน้มที่จะส่งผลให้ pneumothorax ลดลง (RR 0.66, 95% CI 0.40 ถึง 1.08; การศึกษา 10 ฉบับ, ทารก 2094 คน; หลักฐานที่มีความเชื่อมั่นปานกลาง) และการบาดเจ็บทางจมูก (RR 0.49, 95% CI 0.36 ถึง 0.68; RD −0.06, 95% CI −0.09 ถึง −0.04; การศึกษา 7 ฉบับ ทารก 1595 คน หลักฐานมีความเชื่อมั่นปานกลาง)

การบำบัดด้วยออกซิเจนการไหลเวียนสูงทางจมูกเมื่อเทียบกับความดันทางเดินหายใจที่เป็นบวกแบบไม่ต่อเนื่อง (NIPPV) สำหรับการช่วยหายใจเบื้องต้นในทารกคลอดก่อนกำหนด

การศึกษาสี่เรื่องเปรียบเทียบ nHF กับ NIPPV สำหรับการช่วยหายใจเบื้องต้นในทารกคลอดก่อนกำหนด เมื่อเปรียบเทียบกับ NIPPV แล้ว nHF อาจทำให้ผลรวมของการเสียชีวิตหรือ BPD แตกต่างกันเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย แต่หลักฐานมีความไม่แน่นอนมาก (RR 0.64, 95% CI 0.30 ถึง 1.37; RD −0.05, 95% CI −0.14 ถึง 0.04 ; การศึกษา 2 ฉบับ ทารก 182 คน หลักฐานมีความเชื่อมั่นต่ำมาก) nHF อาจทำให้มีความแตกต่างของความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีความแตกต่าง (RR 0.78, 95% CI 0.36 ถึง 1.69; RD −0.02, 95% CI −0.10 ถึง 0.05; การศึกษา 3 ฉบับ, ทารก 254 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) nHF มีแนวโน้มที่จะให้ผลลัพธ์เพียงเล็กน้อยหรือไม่มีความแตกต่างในอุบัติการณ์ของความล้มเหลวของการรักษาภายใน 72 ชั่วโมงของการเข้าร่วมการทดลองเมื่อเทียบกับ NIPPV (RR 1.27, 95% CI 0.90 ถึง 1.79; การศึกษา 4 ฉบับ, ทารก 343 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลาง) หรือการใช้เครื่องช่วยหายใจภายใน 72 ชั่วโมงของการทดลองเข้าร่วม (RR 0.91, 95% CI 0.62 ถึง 1.33; การศึกษา 4 ฉบับ, ทารก 343 คน; หลักฐานมีความเชื่อมั่นปานกลาง) nHF มีแนวโน้มที่จะส่งผลให้การบาดเจ็บทางจมูกลดลง เมื่อเทียบกับ NIPPV (RR 0.21, 95% CI 0.09 ถึง 0.47; RD −0.17, 95% CI −0.24 ถึง −0.10; การศึกษา 3 ฉบับ, ทารก 272 คน; หลักฐานมีความเชื่อมั่นปานกลาง) nHF มีแนวโน้มที่จะให้ผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีความแตกต่างในอัตราของ pneumothorax (RR 0.78, 95% CI 0.40 ถึง 1.53; การศึกษา 4 ฉบับ, ทารก 344 คน; หลักฐานมีความเชื่อมั่นปานกลาง)

การบำบัดด้วยออกซิเจนอัตราการไหลเวียนสูงทางจมูกเมื่อเทียบกับออกซิเจนในบรรยากาศ

เราไม่พบการศึกษาใดที่ตรวจสอบการเปรียบเทียบนี้

การบำบัดด้วยออกซิเจนอัตราการไหลเสียนสูงทางจมูกเมื่อเทียบกับออกซิเจนอัตราการไหลเวียนต่ำ

เราไม่พบการศึกษาใดที่ตรวจสอบการเปรียบเทียบนี้

บันทึกการแปล: 

แปลโดย แพทย์หญิงวิลาสินี หน่อแก้ว โรงพยาบาลมะเร็งอุบลราชธานี Edit โดย ผกากรอง 30 พฤศจิกายน 2023

Tools
Information