การจัดการยาป้องกันการชักจากไข้ในเด็ก

ความเป็นมา

อาการชักที่มีไข้ (febrile seizure) ในเด็กเป็นเรื่องปกติและส่งผลกระทบต่อเด็กประมาณ 1 ใน 30 ที่มีอายุต่ำกว่า 6 ปี โดยเฉลี่ยแล้ว เด็ก 1 ใน 3 คนที่มีอาการไข้ชักจะมีอีกอย่างน้อย 1 ครั้ง เราทบทวนหลักฐานเกี่ยวกับผลของยาเพื่อป้องกันอาการชัก (ยากันชัก), ยาลดไข้ (ยาลดไข้) และสังกะสีในเด็กที่มีอาการชักจากไข้

วัตถุประสงค์

เราต้องการทราบจำนวนเด็กที่ยาเหล่านี้จะป้องกันไม่ให้เกิดอาการชักจากไข้ซ้ำหรือทำให้เกิดผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์

วิธีการ

เรารวมการศึกษา 32 รายการซึ่งมีเด็กทั้งหมด 4431 คนในการทบทวนวรรณกรรม เด็กที่มีอาการชักจากไข้อย่างน้อย 1 ครั้งได้รับการจัดให้เป็น 1 ใน 2 กลุ่มหรือมากกว่านั้น การศึกษาได้บันทึกอาการชักเพิ่มเติมในช่วงเวลาต่างๆ ระหว่าง 6 ดือน ถึง 6 ปี ในแต่ละกลุ่ม นอกจากนี้ยังมีการบันทึกถึงผลกระทบของยาที่ไม่ต้องการ

ผลการศึกษา

การออกแบบการศึกษาและคุณภาพหลักฐานในการศึกษายากันชักมักจะต่ำหรือต่ำมาก มีการใช้วิธีการที่ไม่ดีซึ่งนำไปสู่ความเสี่ยงที่ชัดเจนของการมีอคติ มี 1 ประเด็น คือไม่ชัดเจนว่าวิธีการจัดเด็กเข้ากลุ่มศึกษาและวิธีการจัดสรรเป็นอย่างไร ปัญหาอื่น ๆ รวมถึง การที่พ่อแม่หรือแพทย์หรือทั้งสองจะรู้ว่าเด็กแต่ละคนอยู่ในกลุ่มใดหรือไม่ หรือเปรียบเทียบการรักษากับการไม่รักษา ไม่ใช้ยาหลอก (ยาหลอก) การทดลองใช้ยาลดไข้หรือสังกะสีมีคุณภาพดีขึ้น โดยมีการประเมินหลักฐานอยู่ในระดับปานกลางถึงสูง

การบำบัดด้วยสังกะสีพบว่าไม่มีประโยชน์ นอกจากนี้เรายังพบว่าไม่มีประโยชน์ในการรักษาเด็กในช่วงเวลาที่มีไข้ด้วยยาลดไข้หรือยากันชักส่วนใหญ่

ผลลัพธ์ที่สำคัญถูกบันทึกไว้ในบางกรณี ตัวอย่างเช่น ในการติดตามผลเป็นเวลา 6 ถึง 48 เดือน พบว่า diazepam ชนิดไม่ต่อเนื่อง (ยากันชัก) ทำให้จำนวนการชักซ้ำลดลงประมาณ 1 ใน 3, phenobarbital อย่างต่อเนื่องทำให้มีการกลับเป็นซ้ำน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญที่ 6, 12 และ 24 เดือน แต่ไม่ใช่ที่ 18 และ 60 ถึง 72 เดือน การศึกษา 1 รายการ พบว่า levetiracetam แบบกินเป็นระยะ ๆ เมื่อเทียบกับยาหลอกลดอาการชักซ้ำอย่างมีนัยสำคัญที่ 12 เดือน เมื่อเปรียบเทียบกับ diazepam แบบไม่ต่อเนื่อง melatonin แบบกินไม่ต่อเนื่อง ไม่ได้ลดอาการชักอย่างมีนัยสำคัญที่ 6 เดือน

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากอาการชักซ้ำพบได้ในเด็กประมาณ 1 ใน 3 เท่านั้น ซึ่งหมายความว่าเด็ก 16 คนจะต้องได้รับการรักษาภายในเวลา 1 หรือ 2 ปี เพื่อช่วยเด็กเพียงคนเดียวไม่ให้เกิดอาการชักอีก เนื่องจากอาการชักจากไข้ไม่เป็นอันตราย เราจึงมองว่าการค้นพบที่สำคัญเหล่านี้ไม่มีความสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากผลข้างเคียงของยาพบได้บ่อย คะแนนความเข้าใจที่ต่ำกว่าในเด็กที่ได้รับ phenobarbital ถูกพบใน 2 การศึกษา โดยทั่วไป ผลข้างเคียงถูกรายงานในเด็กประมาณ 1 ใน 3 ในกลุ่มที่ได้รับ phenobarbital และ benzodiazepine ประโยชน์ที่พบในการรักษาด้วย clobazam ในการศึกษา 1 รายการที่ตีพิมพ์ในปี 2011 จำเป็นต้องทำซ้ำเพื่อทดสอบความน่าเชื่อถือ Levetiracetam อาจมีประโยชน์ในการรักษาเด็ก ที่ความวิตกกังวลในครอบครัวเกี่ยวกับการกลับเป็นซ้ำของอาการชักมีสูง แต่จำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม

ข้อสรุปของผู้เขียน

ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานสนับสนุนการใช้ยาสังกะสี ยากันชัก หรือยาลดไข้แบบต่อเนื่องหรือเป็นระยะๆ สำหรับเด็กที่มีอาการชักจากไข้ อาการชักจากไข้อาจทำให้เป็นที่น่ากลัวสำหรับผู้พบเห็น ผู้ปกครองและครอบครัวควรได้รับการช่วยเหลือด้วยรายละเอียดการติดต่อที่เพียงพอของบริการทางการแพทย์และข้อมูลเกี่ยวกับการกลับเป็นซ้ำ การจัดการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และที่สำคัญที่สุดคือลักษณะที่ไม่เป็นอันตรายของเหตุการณ์

หลักฐานเป็นปัจจุบันจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2020

ข้อสรุปของผู้วิจัย: 

เราพบว่าอัตราการกลับเป็นซ้ำสำหรับ diazepam แบบไม่ต่อเนื่อง และ phenobarbital แบบต่อเนื่องลดลง โดยมีผลเสียในเด็กมากถึง 30% ประโยชน์ที่เห็นได้ชัดสำหรับการรักษา clobazam ในการทดลอง 1 รายการจำเป็นต้องทำซ้ำ Levetiracetam ยังแสดงให้เห็นถึงประโยชน์ที่มีความปลอดภัยที่ดี อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม ด้วยลักษณะที่ไม่รุนแรงของอาการไข้ชักแบบเป็นซ้ำ และความชุกของผลข้างเคียงของยาเหล่านี้ ผู้ปกครองและครอบครัวควรได้รับการสนับสนุนด้วยรายละเอียดการติดต่อที่เพียงพอของบริการทางการแพทย์และข้อมูลเกี่ยวกับการกลับเป็นซ้ำ การจัดการปฐมพยาบาล และที่สำคัญที่สุดคือ ลักษณะที่ไม่รุนแรงของอาการ

อ่านบทคัดย่อฉบับเต็ม
บทนำ: 

อาการชักจากไข้ในเด็กที่มีอายุมากกว่า 1 เดือนในช่วงที่มีไข้ส่งผลต่อเด็ก 2-4% ใน Great Britain และสหรัฐอเมริกา และเกิดซ้ำได้อีก 30% ยากันชักที่ออกฤทธิ์เร็วและยาลดไข้ที่ให้ในระหว่างมีไข้ในภายหลังได้ถูกนำมาใช้เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงของยากันชักอย่างต่อเนื่อง

นี่เป็นการปรับปรุงของ Cochrane Review ที่เผยแพร่ก่อนหน้านี้ในปี 2017

วัตถุประสงค์: 

เพื่อประเมินประสิทธิผลและความปลอดภัยของยากันชักและยาลดที่ใช้ป้องกันในเด็กที่มีอาการชักจากไข้ และเพื่อประเมินวิธีการทางยาอื่น ๆ ที่มีเหตุผลทางชีววิทยาที่ดีสำหรับการใช้งาน

วิธีการสืบค้น: 

สำหรับการปรับปรุงล่าสุด เราได้สืบค้นฐานข้อมูลต่อไปนี้เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2020: Cochrane Register of Studies (CRS Web), MEDLINE (Ovid, 1946 ถึง 31 มกราคม 2020) CRS Web ประกอบด้วยการทดลองแบบ randomised หรือ quasi-randomised controlled trials จาก PubMed, Embase, ClinicalTrials.gov, the World Health Organization International Clinical Trials Registry Platform (WHO ICTRP), the Cochrane Central Register of Controlled Trials (CENTRAL) และ the specialized registers of Cochrane Review Groups รวมถึง the Cochrane Epilepsy Group เราไม่ได้กำหนดข้อจำกัดทางภาษาและติดต่อนักวิจัยเพื่อหาการศึกษาที่กำลังดำเนินการหรือไม่ได้ตีพิมพ์

เกณฑ์การคัดเลือก: 

การทดลองที่ใช้การจัดผู้เข้าร่วมแบบสุ่มหรือกึ่งสุ่มที่เปรียบเทียบการใช้ยาต้านโรคลมชัก, ยาลดไข้ หรือสารออกฤทธิ์ของระบบประสาทส่วนกลางที่ได้รับการยอมรับเปรียบเทียบกัน, ยาหลอก หรือไม่ได้รับการรักษา

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล: 

สำหรับการทบทวนวรรณกรรมเดิม ผู้ประพันธ์การทบทวนวรรณกรรม 2 คนใช้เกณฑ์ที่กำหนดไว้ล่วงหน้าเพื่อเลือกการทดลองเพื่อรวบรวมนำเข้า และดึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องที่กำหนดไว้ล่วงหน้า, บันทึกวิธีการสำหรับการสุ่ม, การปกปิด และการคัดออก อย่างอิสระต่อกัน สำหรับการปรับปรุงปี 2016 ผู้ทบทวนคนที่ 3 ได้ตรวจสอบการรวมเข้าเดิมทั้งหมด การวิเคราะห์ข้อมูล และปรับปรุงการสืบค้น สำหรับการปรับปรุงปี 2020 ผู้ประพันธ์การทบทวนวรรณกรรม 1 คนได้ปรับปรุงการสืบค้น และดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลตามกระบวนการตรวจสอบโดยผู้ประพันธ์การทบทวนวรรณกรรมคนเดิม เราประเมินการกลับเป็นซ้ำของอาการชักที่ 6, 12, 18, 24, 36, 48 เดือน และข้อมูลที่มีอยู่เมื่ออายุ 5 ถึง 6 ปีพร้อมกับบันทึกผลข้างเคียง เราประเมิน publication bias โดยใช้ funnel plot

ผลการวิจัย: 

เรารวบรวมบทความ 42 รายการ ซึ่งมีการทดลองแบบสุ่ม 32 รายการ โดยมีผู้เข้าร่วมแบบสุ่ม 4431 คนที่ใช้ในการวิเคราะห์การทบทวนวรรณกรรมนี้ เราวิเคราะห์ 15 วิธีการของการป้องกันโรคอย่างต่อเนื่องหรือไม่ต่อเนื่องและการรักษาควบคุม คุณภาพของระเบียบวิธีวิจัยอยู่ในระดับปานกลางถึงแย่ในการศึกษาส่วนใหญ่ เราพบว่าไม่มีประโยชน์อย่างมีนัยสำคัญสำหรับ phenobarbital, phenytoin, valproate, pyridoxine, ibuprofen หรือ zinc sulfate ที่ให้ไม่ต่อเนื่อง (intermittent) เมื่อเทียบกับยาหลอกหรือไม่ได้รับการรักษา หรือสำหรับ diclofenac versus placebo followed by ibuprofen, paracetamol หรือยาหลอก หรือสำหรับ phenobarbital แบบต่อเนื่องกับ diazepam, diazepam ทางทวารหนักแบบไม่ต่อเนื่องกับ valproate แบบไม่ต่อเนื่อง หรือ diazepam แบบกินกับ clobazam

มีการลดลงอย่างมีนัยสำคัญของอาการชักจากไข้ซ้ำด้วย diazepam แบบไม่ต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับยาหลอกหรือไม่ได้รับการรักษา ที่ 6 เดือน (risk ratio (RR) 0.64 ช่วงความเชื่อมั่น 95% (CI) 0.48 ถึง 0.85; การศึกษา 6 รายการ, ผู้เข้าร่วม 1151 คน หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลาง), 12 เดือน (RR 0.69, 95% CI 0.56 ถึง 0.84; การศึกษา 8 รายการ, ผู้เข้าร่วม 1416 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลาง), 18 เดือน (RR 0.37, 95% CI 0.23 ถึง 0.60; 1 การศึกษา, ผู้เข้าร่วม 289 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ), 24 เดือน (RR 0.73, 95% CI 0.56 ถึง 0.95; การศึกษา 4 รายการ, ผู้เข้าร่วม 739 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นสูง), 36 เดือน (RR 0.58, 95% CI 0.40 ถึง 0.85; 1 การศึกษา, ผู้เข้าร่วม 139 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ), 48 เดือน (RR 0.36, 95% CI 0.15 ถึง 0.89; 1 การศึกษา, ผู้เข้าร่วม 110 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลาง) โดยไม่มีประโยชน์ที่ 60 ถึง 72 เดือน (RR 0.08, 95% CI 0.00 ถึง 1.31; 1 การศึกษา, ผู้เข้าร่วม 60 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก)

Phenobarbital เทียบกับยาหลอกหรือไม่มีการรักษาลดอาการชักที่ 6 เดือน (RR 0.59, 95% CI 0.42 ถึง 0.83; 6 การศึกษา, ผู้เข้าร่วม 833 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลาง), ที่ 12 เดือน (RR 0.54, 95% CI 0.42 ถึง 0.70; 7 การศึกษา, ผู้เข้าร่วม 807 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) และ ที่ 24 เดือน (RR 0.69, 95% CI 0.53 ถึง 0.89; 3 การศึกษา, ผู้เข้าร่วม 533 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นปานกลาง), แต่ไม่ลดที่ 18 เดือน (RR 0.77, 95% CI 0.56 ถึง 1.05; 2 การศึกษา, ผู้เข้าร่วม 264 คน) หรือติดตามผล 60 ถึง 72 เดือน (RR 1.50, 95% CI 0.61 ถึง 3.69; 1 การศึกษา, ผู้เข้าร่วม 60 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก)

Clobazam ที่ไม่ต่อเนื่องเมื่อเปรียบเทียบกับยาหลอกที่ 6 เดือน ส่งผลให้ RR 0.36 (95% CI 0.20 ถึง 0.64; 1 การศึกษา, ผู้เข้าร่วม 60 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำ) ผลที่พบว่ามีอัตราการเกิดซ้ำที่สูงมาก (83.3%) ในกลุ่มควบคุม ซึ่งต้องการการทำซ้ำ

เมื่อเทียบกับยา diazepam แบบไม่ต่อเนื่อง พบว่า melatonin แบบรับประทานเป็นช่วงๆ ไม่ได้ลดอาการชักอย่างมีนัยสำคัญที่ 6 เดือน (RR 0.45, 95% CI 0.18 ถึง 1.15; 1 การศึกษา, ผู้เข้าร่วม 60 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก)

เมื่อเทียบกับยาหลอก levetiracetam แบบรับประทานเป็นช่วงๆ ลดอาการชักซ้ำได้อย่างมีนัยสำคัญที่ 12 เดือน (RR 0.27, 95% CI 0.15 ถึง 0.52; 1 การศึกษา, ผู้เข้าร่วม 115 คน; หลักฐานความเชื่อมั่นต่ำมาก)

การบันทึกผลข้างเคียงมีความแตกต่าง การศึกษา 2 รายการ รายงานคะแนนความเข้าใจที่ต่ำกว่าในเด็กที่ได้รับการรักษาด้วย phenobarbital ผลข้างเคียงถูกบันทึกไว้มากถึง 30% ในเด็กกลุ่มที่ได้รับ phenobarbital และ 36% ในกลุ่มที่ได้รับ benzodiazepine เราพบหลักฐานสำหรับ publication bias ในการวิเคราะห์เมตต้าของการเปรียบเทียบ phenobarbiatal กับยาหลอก (การศึกษา 7 รายการ) ที่ 12 เดือน แต่ไม่ใช่ที่ 6 เดือน (การศึกษา 6 รายการ) และ valproate เทียบกับยาหลอก (4 การศึกษา) ที่ 12 เดือน มีการศึกษาน้อยเกินไปที่จะพบ publiction bias สำหรับการเปรียบเทียบอื่นๆ

คุณภาพของระเบียบวิธีของการศึกษาที่รวบรวมมาส่วนใหญ่อยู่ในระดับต่ำหรือต่ำมาก วิธีการสุ่มและปกปิดการจัดกลุ่มมักไม่เป็นไปตามมาตรฐานปัจจุบัน และมักพบเห็น 'การรักษาเทียบกับไม่มีการรักษา' มากกว่า 'การรักษาเทียบกับยาหลอก' ซึ่งนำไปสู่ความเสี่ยงที่ชัดเจนของการมีอคติ

บันทึกการแปล: 

แปลโดย ศ.นพ.ภิเศก ลุมพิกานนท์ ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น แปลเมื่อวันที 22 มิถุนายน 2021

Tools
Information